วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2565

ถอดแนวคิด โควิด19 เจ้าสัวธนินธ์

 ถอดแนวคิด โควิด19 เจ้าสัวธนิน

จอห์น ภาณุวัฒน์  เรียบเรียง

 ในขณะที่โรคโควิด19 กำลังแพร่ระบาดบนโลกใบนี้  รวมถึงประเทศไทยของเราด้วย ท่านนายกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้ประกาศชัดว่าจะทำจดหมายเปิดผนึกเทียบเชิญบรรดามหาเศรษฐีของประเทศไทย 20 ท่าน หรือ 20 กลุ่มบริษัทเข้ามาพูดคุยแก้ปัญหาของประเทศ มิใช่หน้าที่ของรัฐบาลเพียงคนเดียว คนในประเทศต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน  และบรรดาเศรษฐีกลุ่มแรกที่ต้องกล่าวถึงก็คือกลุ่มซีพี หรือกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ซึ่งเป็นกลุ่มที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทย มีเงินเฉียด ๆ ล้านล้านบาท ซึ่งนำโดยเจ้าสัวธนิน เจียรวนนท์นั่นเอง แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ ยังครองตำแหน่งอันดับหนึ่ง แม้ว่าทรัพย์สินของพวกเขาจะลดลง 2.2 พันล้านเหรียญ ไปอยู่ที่ 2.73 หมื่นล้านเหรียญ  หรือตีเป็นเงินไทย 888,888 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 32.56 บาทต่อ 1 ดอลล่าร์ ) และเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้เข้าซื้อกิจการของเทสโก้ในไทยและมาเลเซียมูลค่า 1.06 หมื่นล้านเหรียญ(345,136 ล้านบาท)ได้สำเร็จ ซึ่งท่านเจ้าสัวเคยกล่าวไว้ว่าเทสโก้โลตัสเป็นลูกของเรา เราฝากเขาเลี้ยงไว้ ตอนนี้จะกลับคืนสู่อ้อมอกเราแล้ว  และผมก็ได้ฟังแนวคิดของท่านเจ้าสัวในเรื่องการแก้ปัญหาของประเทศเรื่องโควิด19 ไว้น่าฟังทีเดียว ซึ่งในครั้งนั้นโดยการสัมภาษณ์ของคุณหนุ่ย พงษ์สุข แห่งเพจแบใต๋ ไว้ดังต่อไปนี้


1. การก่อตั้งโรงงานหน้ากากอนามัย  หลาย ๆคนคงเคยได้ยินเรื่องของการขาดตลาดของหน้ากากอนามัย รวมไปถึงเจลล้างมือในประเทศไทย ขาดตลาดถึงขั้นเป็นเรื่องเป็นราวกัน ในการกักตุนสินค้า การขายสินค้าเกินราคา ท่านเจ้าสัวได้แก้ปัญหาเหล่านี้ก่อนที่รัฐบาลจะทำหนังสือเทียบเชิญเสียอีก ท่านได้ก่อตั้งโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยสำหรับแพทย์ พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์รวมไปถึงการให้บริการประชาชนด้วย ท่านตั้งโรงงานใช้เวลาเพียง 5 สัปดาห์เท่านั้นก็สำเร็จด้วยมูลค่าการก่อสร้างกว่า 100 ล้านบาท ในขณะนี้ก็เริ่มแจกให้กับโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว วันละกว่า 100,000 ชิ้น นั่นหมายความว่า ภายในหนึ่งเดือนจะมีหน้ากากกว่า สามล้านชิ้น ตอนนี้ก็นำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ถ้ายังหาวัตถุดิบได้สายการผลิตก็ไปได้เรื่อย ๆ ตอนนี้ทั่วโลกต่างมุ่งหาวัตถุดิบกันให้วุ่น  ที่สำคัญท่านผลิตแจกให้ฟรีครับ ฟังไม่ผิด ฟรี ฟรี ฟรี ครับ 

 กับคำถามที่ว่าท่านตั้งโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยแล้ว ท่านจะตั้งโรงงานผลิตยาอีกหรือเปล่า ท่านได้ตอบชัดเจนครับว่า เรามีโรงงานยาแล้วที่ประเทศจีน  และท่านก็หวังว่ามนุษย์เก่งกับเทคโนโลยีจะสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวให้สำเร็จลุล่วงลงไปได้


2. อะไรคือความสำเร็จของซีพี   ซีพีสำเร็จได้ทุกวันนี้เพราะคน ทรัพยากรบุคลถือว่าเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ามหาศาล ซีพีชอบจ้างคนเก่ง คุณจะอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่ซีพีก็จะจ้าง คนเก่งคือคนที่ซีพีต้องการ ต่อให้สร้างหุ่นยนต์มาเท่าไรก็แล้วแต่ยังไงก็ไม่เก่งไปกว่าคน คนสำคัญที่สุดแล้ว ถ้าบริหารจัดการคนได้ บริหารจัดการเงินได้ ก็ไม่มีทางล้มละลาย 


3. การจ้างงานของซีพีในช่วงโควิด19  ต่อคำถามที่ว่าซีพีบอกได้ไหมว่าช่วงนี้จะไม่มีการปลดพนักงานออก ท่านเจ้าสัวตอบได้ชัดเจนครับว่า ไม่มีแน่นอน ไม่เพียงแต่ไม่ปลดพนักงานเท่านั้น ซีพีออลยังจ้างพนักงานเพิ่มอีก 20,000 ตำแหน่งอีกด้วย  ท่านยังบอกอีกว่าเป็นที่น่าเห็นใจบริษัทอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เขาอยู่ไม่ได้ เขาจำเป็นต้องเลิกจ้างพนักงาน ก็ไม่มีคนมาเที่ยวแล้วมันลำบากจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทท่องเที่ยว สายการบิน ร้านอาหารภัตตาคาร รวมไปถึงโรงแรมต่าง ๆ เมื่อไม่มีนักท่องเที่ยวก็เป็นที่น่าเห็นใจเขา ในส่วนแนวคิดของท่านท่านบอกว่ารัฐบาลจำเป็นต้องอุ้มเขาไว้นะ รัฐบาลต้องจ่ายให้กับธุรกิจที่มีปัญหา ต้องสู้ ต้องกู้ กู้เท่าไรก็กู้ไป การกู้ 10% ของ จีดีพี ก็ไม่เป็นเรื่องที่เสียหาย ดีด้วยซ้ำ เงินจะหมุนเข้ามาในระบบในที่สุดก็เข้ารัฐบาลนั่นเอง ธุรกิจมีเงินจ่าย ประชาชนมีเงินกินอยู่  ระบบภาษีก็ปล่อยให้เป็นปกติ ไม่ต้องเพิ่มไม่ต้องลด ภาษีมูลค่าเพิ่มก็ 7% เท่าเดิม 


4. ท่านมองรัฐบาลไทยอย่างไร  มองว่ารัฐบาลไทยของเรานี่รวยกว่าอังกฤษซะอีก เรายังต่อสู้ไปได้อีกสบาย กู้ กู้ กู้ได้เลยไม่เสียหาย ประเทศไม่ล้มละลายหรอก หนี้เท่าไรก็ต้องกู้มา ผมไม่ได้เห็นแก่ซีพีนะ ผมเห็นแก่ประเทศไทย ประชาชนไทย ประเทศอยู่ไม่ได้ซีพีจะอยู่ได้อย่างไร 


5. โครงการต่าง ๆ ของซีพีจะดีเลย์หรือไม่  ขอตอบแบบชัดถ้อยชัดคำเลยว่าไม่ หรือถ้าจะดีเลย์ก็เพราะรัฐบาล โครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลก็จะดำเนินงานไปอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นรถไฟความเร็วสูง หรือโครงการอื่น ๆ ก็เหมือนกัน ถ้าธุรกิจชะงักทุกอย่างก็จะตามไปหมด เราต้องไปต่อ 


6. แนวคิดด้านการพัฒนาตัวเองแบบเจ้าสัว   ในระหว่างที่เกิดปัญหาเรื่องโควิด19 รัฐบาลก็ช่วยเรามากขนาดนี้ มิใช่ว่าเราจะหยุดอยู่บ้านอย่างเดียวนะ เงินเยียวยา 5000 บาทต่อเดือนก็ได้รับ เงินสงเคราะห์เกษตรกรก็ได้รับ 15000 บาท บริษัทต่างๆก็ควรได้รับการเยียวยาให้อยู่รอด และในขณะที่เราต้องเจอภาวะวิกฤติโควิด19 เราควรพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ๆ จะหยุดอยู่กับที่ไม่ได้ ต้องมีการฝึกอบรม พัฒนาตัวเอง ต้องไม่นิ่งเฉย เราต้องเก่งขึ้น พอโควิดหายเราก็พัฒนาเศรษฐกิจให้ไปไกลกว่าคนอื่นได้เลย มิใช่ต้องมาเริ่มต้นใหม่ เชื่อว่าฟ้าหลังฝนมันต้องแจ่มใส เศรษฐกิจหลังโควิดจะเติบโตไปได้อีกหลาย ๆเท่าเลยทีเดียว เตรียมตัวให้พร้อมเอาไว้