วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2564

ทองแท้ไม่กลัวไฟ เหล็กไหลไม่กลัวการทดสอบ

 

ทองแท้ไม่กลัวไฟ เหล็กไหลไม่กลัวการทดสอบ

...................................................................................................................................................

          คำว่าทองแท้ไม่กลัวไฟ เป็นคำพูดที่ได้ยินกันมากในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะในโชเซี่ยลมีเดียถึงเดือดปุดๆกันไปเลย สาเหตุนั้นเกิดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้ท่านรองนายกและรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูลเป็นเป้าหมายในการโจมตี สาเหตุหลักก็คือการนำเข้าวัคซีนได้ไม่ถึง 1% จนถึงขั้นว่าลงชื่อขับไล่ออกจำนวนมากถึง 200,000 รายชื่อ จนเป็นที่ไปที่มาของคำว่าทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ

          แต่ก็เป็นที่แปลกใจว่ามีโรงพยาบาลจำนวนมากรวมไปถึงบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ให้กำลังใจนายอนุทิน โดยให้การรับรองว่าท่านได้เสียสละทุ่มเท แรงกายแรงใจในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด#save อนุทิน / #ทองแท้ไม่กลัวไฟ  #โปรดรักษาคนดี คนมีไฟ #ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ เหล็กไหลไม่กลัวการทดสอบ

          ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ หมายถึง สัจธรรมไม่กลัวคำติฉินนินทา มีความหมายว่า คนที่ตั้งมั่น ยึดมั่นในความดี อดทนต่อการพิสูจน์ความจริง ก็จะสามารถผ่านอุปสรรคและหรืออันตรายทั้งหลายไปได้ ส่วนคำว่าเหล็กไหลไม่กลัวการพิสูจน์ หมายถึง จะพิสูจน์กี่ครั้งเหล็กไหลก็ยังคงคุณสมบัติที่ดีของมันได้เป็นอย่างดี  สุภาษิตเหล่านี้ถูกยกมาใช้ในการปกป้องนายอนุทิน จากข้อครหาเรื่องหาวัคซีนไม่เพียงพอต่อจำนวนประชากรภายในประเทศ เป็นเหตุให้ประชาชนไม่พอใจเป็นอย่างมากถึงกับทัวร์ลงเลยทีเดียว จนไม่สามารถทนต่อทัวร์ลงได้จนต้องลบโพสท์ออกจากเพจของโรงพยาบาล จนมีคนมาถามต่อว่า จริง ๆ แล้ว “ทองแท้ไม่กลัวไฟจริงหรือไม่”

นายกรัฐมนตรีและรองนายกอนุทิน

         

          ถึงแม้ว่าวันนี้จะได้รับข่าวดีว่า ประเทศไทยจะได้รับวัคซีนแล้ว แต่ห้วงเวลายาวนานมากเกินไปจนทำให้ไม่สามารถเปิดประเทศได้ทันในต้นปี 2565 ยิ่งฉีดวัคซีนช้าเท่าใด ความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจก็ย่อมเสียหายมากไปเท่านั้น เท่านั้นยังไม่พอจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกวัน รวมมากถึง 188 คนแล้ว รวมถึงน้าค่อม ชวนชื่น ตกชื่อดังของเมืองไทย ก็ได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อเช้านี้

น้าค่อม ชวนชื่น

วันพุธที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2564

“PROS” หุ้น IPO น้องใหม่ในตลาด MAI

 

“PROS” หุ้น IPO น้องใหม่ในตลาด MAI

          มารู้จักหุ้นน้องใหม่ล่าสุดของตลาดหลักทรัพย์ขนาดย่อม ด้วยราคา IPO  2 บาทต่อหุ้น พร้อมสำหรับการระดมทุนจำนวน 280 ล้านบาทหรือจำนวน 140 ล้านหุ้น เมื่อทำความรู้จักให้มากขึ้นแล้วจะได้รู้ว่า “รู้จักแล้วจะรักเอง” PROS – PROSPER ENGINEERING PUBLIC COMPANY LIMITED หรือชื่อเป็นภาษาไทยว่า บริษัท พรอสเพอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ราคาในการเปิดตัวครั้งแรกสูงมากถึงราคาหุ้นละ 5 บาท นับว่าเติบโตมากถึง 150% นับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่นานๆ จะมีสักที่



              ราคาหุ้น PROS ณ วันที่ 27 เมษายน 2564  ราคา 3.36 บาท

            กิจการพื้นฐาน – ในการนำหุ้นเข้าสู่ตลาดในครั้งนี้มุ่งหวังลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์และการประมูลงานเพิ่มเติม โดยพื้นฐานเดิมนั้นเป็นงานบริการรับเหมา ติดตั้งงานระบบประกอบอาคาร การบริการรับเหมาก่อสร้างงานโยธา มีสำนักงานใหญ่อยู่เลขที่ 11 ซอยนาคนิวาส 20 ถนนนาคนิวาส แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร www. prosperengineering.co.th หมายเลขโทรศัพท์ 0-25143-3113

            ผลประกอบการ – งบการเงินประจำปี 2563 มีทรัพย์สินรวม 654.65 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 355.01 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 292.88 ล้านบาท มีรายได้รวมทั้งสิ้น 944.77 ล้านบาท กำไรสุทธิ 48.76 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.12 บาทต่อหุ้น อัตรากำไรสุทธิ 5.41%  

            ผู้ถือหุ้นใหญ่ – มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่เป็นบุคคลสำคัญทางด้านวิศกรรม ซึ่งประกอบด้วย

                1. นายพงศ์เทพ รัตนแสงสรวง     ถือหุ้น  23.80%

                   2. นายประวิทย์  ลัญจกรกุล         ถือหุ้น  14.91%

                   3. นายวัชรพล รุจิเรจ                   ถือหุ้น   13.43%

                   4. นายประจักษ์ ตั้งใจ                  ถือหุ้น  11.20%

                    5. นายพงษ์พล รัตนแสงสรวง    ถือหุ้น   11.20%

                   นอกจากนั้นก็ถือหุ้นลดลงมาตามสัดส่วน นอกจากนั้นยังมีการถือครองหุ้นต่างด้าว 0.02% นับว่าการถือหุ้นต่างด้าวมีปริมาณที่น้อย นอกนั้นผู้ถือหุ้นเป็นชาวไทยทั้งหมด

            แผนการเจริญเติบโต – มีเป้าหมายที่รายได้เฉลี่ยโตขึ้น 10 – 20 % ต่อปี ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 3 ปี เป็นบริษัทที่มีความพร้อมทางด้านบุคลากรและระบบการทำงานเพื่อขยายธุรกิจและการรับเหมางานใหม่ ๆ และสนับสนุนการสร้างรายได้ กำไรสู่บริษัทอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงอัตราผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นในบริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งรับงานทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน

เลื่อนเปิดเทอม ซ้ำเติมเด็กหรือไม่

 


เลื่อนเปิดเทอม ซ้ำเติมเด็กหรือไม่

                                                                                                    ภาณุวัฒน์ ยาวศิริ

            สถานการณ์โรคโคโรน่าไวรัส (โควิด19) ส่งผลให้ระบบสาธารณสุข ระบบเศรษฐกิจเป็นอัมพาตในหลาย ๆ ประเทศ ยังส่งผลกระทบต่อระบบการศึกษาด้วย โดยเฉพาะในประเทศไทย ส่งผลต่อการเปิด-ปิดภาคเรียนและยังส่งผลต่อไปอีกหลาย ๆ อย่างในระบบการศึกษา การเปิดภาคเรียนในปีการศึกษา 2564 ภาคเรียนที่ 1 ก็เช่นกัน ทำให้หลาย ๆ โรงเรียนในกระทรวงศึกษาธิการทำการสอบ TCAS ไม่สำเร็จ ซึ่งส่งผลต่อการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาต่อไป ส่วนโรงเรียนที่รับสมัครนักเรียนเข้าเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1  มัธยมศึกษาปีที่ 1 และมัธยมศึกษาปีที่ 4 ด้วย มีหลายโรงเรียนยังไม่แล้วเสร็จไม่เสร็จตามกำหนดตามกำหนดการที่วางไว้ เป็นผลให้เกิดความกังวลสำหรับนักเรียนรวมไปถึงผู้ปกครองด้วย ส่วนในระดับอื่นถือว่ามีผลกระทบน้อยกว่า การศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยได้รับผลกระทบเพียงใด ขอให้ดูระบบต่อไปนี้

            เปิดภาคเรียน – กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดวันเปิดเทอมสำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไว้ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2564  เป็นวันแรกของการเปิดภาคเรียน สำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ) กล่าวว่า ถ้าฝืนเปิดเรียนในวันดังกล่าว จะทำให้นักเรียนหลายคนเสียโอกาสในการเข้าศึกษาต่อในแต่ละระดับ จะเป็นการซ้ำเติมเด็กเข้าไปอีก ทำให้ต้องเลื่อนการเปิดเรียนออกไปอีก เป็นเปิดวันที่ 1 มิถุนายน 2564 รวมระยะเวลาในการเลื่อนออกไป 11 วันทำการ(วันจันทร์-วันศุกร์)

            ปิดภาคเรียน – กระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดวันปิดภาคเรียนไว้ในวันที่ 11 ตุลาคม 2564 ซึ่งเป็นวันเดิมที่กำหนดไว้ ไม่ได้เลื่อนตามวันเปิดภาคเรียนแต่อย่างใด ส่วนแนวปฏิบัตินั้นเป็นสถานศึกษาในแต่ละแห่งบริหารจัดการกันเอาเอง มีแนวคิดว่าในแต่ละวิชาต้องได้เรียนเต็มเวลาตามที่กำหนดไว้ในแผนการเรียนการสอนของแต่ละรายวิชา

            ผลกระทบ – การระบาดของโรคโควิด19 ได้ส่งผลกระทบต่อการศึกษาไทยเป็นอย่างมาก ต้องถามว่าวันนี้ผู้ที่ได้ผลกระทบมากที่สุดนั้นคงจะหนีไม่พ้นนักเรียน นักศึกษานั่นเอง เท่าที่สอบถามผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการศึกษาก็พอสรุปผลกระทบ คือ

            1. เวลาเรียนน้อยลง ในการเปิดภาคเรียนที่ 1/2564 นี้ เวลาในการเรียนน้อยลงไปถึง 11 วันถ้านับเป็นเวลาเป็นรายชั่วโมงเป็นเวลานานถึง 66 ชั่วโมง นับว่าเป็นเวลาไม่ใช่น้อยเลย ถ้าสถานศึกษาบางแห่งที่ไม่ใส่ใจการชดเชยในข้อนี้นับว่านักเรียนเสียโอกาสในการเรียนเป็นอย่างมาก (ไม่นับรวมเด็กที่ไม่อยากเรียน เพราะเด็กเหล่านั้นไม่ได้เรียนพวกเขาจะดีใจ)

            2. การเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย – เด็กนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่มีการสอบ TCAS ล่าช้า เสียโอกาสในการเข้าเรียนในสาขาที่ตัวเองชอบหรือต้องการ อย่างเช่นในตอนนี้เด็กเป็นจำนวนมากยังไม่มีที่เรียน ถามว่าที่เรียนมีมากไหม ตอบว่ามาก แต่เป็นสาขาที่ตัวเองชอบหรือไม่นั้นตอบไม่ได้ เพราะบางมหาวิทยาลัยก็รับตรงไปเกือบหมดแล้ว  ส่วนการเปิดภาคเรียนที่ 1/2564 นั้น มหาวิทยาลัยที่ปรับการเรียนการสอนไปตามอาเซียนก็จะเปิดช้า ประมาณเดือนสิงหาคม ส่วนมหาวิทยาลัยที่ไม่ปรับตามอาเซียนก็จะเปิดเรียนพร้อมกับการศึกษาขั้นพื้นฐาน

           

            แนวทางการแก้ไขปัญหา เมื่อการระบาดของโรคโควิด19 ได้ส่งผลต่อระบบการศึกษาแล้วแนวทางการแก้ปัญหาก็พอสรุปได้ตามแนวทางต่อไปนี้

            1. การเตรียมความพร้อม – การเลื่อนการเปิดภาคเรียนไปถึง 11 วันทำการ ถือว่าเป็นการเตรียมตัวของโรงเรียนในเรื่องการเตรียมอาคารสถานที่ อุปกรณ์การเรียนการสอนทั้งโสตทัศนูปกรณ์ กิจกรรมภาคสนาม เช่น อุปกรณ์ในการเรียนด้านพลศึกษา กิจกรรมนอกเวลาเรียน เป็นต้น

            2. การเยี่ยมบ้านนักเรียน – เป็นโอกาสอันดีที่อาจารย์ที่ปรึกษาจะได้ไปเยี่ยมนักเรียนตามบ้าน ถือว่าเป็นการมีปฏิสัมพันธ์อันดีต่อกันระหว่างครู นักเรียนและผู้ปกครอง

            3. การเตรียมกิจกรรมในภาคเรียน – ในแต่ละภาคเรียนมีกิจกรรมที่ต้องเตรียมตัวเป็นจำนวนมาก ทำให้ครูและบุคลากรทางการศึกษามีโอกาสในการเตรียมกิจกรรมมากขึ้น เช่น กิจกรรมวันไหว้ครู กิจกรรมวันสุนทรภู่ กิจกรรมกีฬาสี เป็นต้น

            4. การชดเชยวันหยุด – การเปิดเรียนล่าช้า 11 วัน เป็นเวลาในการเรียนการสอนมากถึง 66 ชั่วโมง ต้องเตรียมอะไรบ้าง เช่น การเพิ่มเวลาเรียนในแต่ละวันไปอีก 1 ชั่วโมง หรือการสอนชดเชยในวันเสาร์อาทิตย์ เป็นต้น

            5. การสอนออนไลน์ – เตรียมการสอนออนไลน์ให้พร้อม ทั้งเนื้อหาบทเรียน อุปกรณ์ในการสอน ระบบอินเตอร์เนต รวมไปถึงโปแกรมที่ใช้ในการเรียนการสอน เช่น Google Classroom, Zoom meeting, Line meeting  รวมไปถึงการเขียนเวปไซด์เพื่อให้นักเรียนได้ศึกษาบน Google
Sites. เป็นต้น

            จากที่กล่าวมาแล้ว ถ้าการเตรียมตัวของสถานศึกษาไม่ดี หรือไม่มีความพร้อมย่อมส่งผลกระทบโดยตรงกับนักเรียนทั้งทางตรงและทางอ้อม เพราะนักเรียนแต่ละคนมีศักยภาพทางด้านครอบครัวที่ไม่เท่ากัน การได้รับผลกระทบย่อมต่างกันไปด้วย เพียงแค่โควิดก็หนักมากแล้วอย่าให้พวกเขาโดยซ้ำด้วยการศึกษาที่ไม่พร้อมเลย  

                                    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ฯพณฯ ตรีนุช เทียนทอง

                รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ฯพณฯ เอนก เหล่าธรรมทัศน์