การพัฒนาตนสู่ระบบราชการและการเป็นข้าราชการที่ดี
ภาณุวัฒน์ ยาวศิริ
Institute of Physical Education
ขอบคุณ ครูพรไพร |
ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมงานปัจฉิมนิเทศนักศึกษา
ของสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตกระบี่
ประจำปีการศึกษา 2557 ณ
ห้องประชุมชั้น 3 อาคารวิทยบริการ
ในครั้งนั้น ทางสถาบันได้เชิญข้าราชการบำนาญท่านหนึ่ง อดีตท่านเป็นรองผู้อำนวยการการศึกษาขั้นพื้นฐานจังหวัดกระบี่ ท่านสมควร จงอักษร ท่านมาบรรยายในเรื่อง
“การพัฒนาตนสู่ระบบราชการและการเป็นข้าราชการที่ดี” ในครั้งนี้ ท่านแบ่งการพูดเป็นสองตอน ตอนที่หนึ่ง
คือ การพัฒนาตนเอง ตอนที่ 2 การเข้าสู่ระบบราชการและเป็นข้าราชการที่ดี ท่านได้ให้แนวคิดไว้ดีมาก
ผู้เขียนเห็นว่าเป็นการบรรยายที่มีประโยชน์จึงได้นำมาสรุปไว้ เพราะท่านแนะนำไว้ว่า “ถ้าจำไม่ได้ก็ให้จด ถ้าจำไม่หมดจดเสียดีกว่า” จึงนำมาเขียนไว้ ดังต่อไปนี้
การพัฒนาตนเอง
การพัฒนาตนเองตามหลักพระมหาชนก เนื่องจากในชาดกเรื่องพระมหาชนก
ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบ ทศชาติชาดก
ซึ่งเป็นสิบชาติสุดท้ายที่พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งในเรื่องนี้จะพูดถึงความเพียรพยายามของพระมหาชนกที่ว่ายน้ำ
7วัน 7 คืน เพื่อเข้าหาฝั่งโดยมิย่อท้อ
เป็นการนำเอาหลักคิดของความเพียรสู่ความสำเร็จนั่นเอง
1.
มีพลานามัยที่สมบูรณ์ รักษาสุขภาพให้แข็งแรง
การมีสุขภาพแข็งแรงถือว่าเป็นลาภอันประเสริฐ
คนที่มีสุขภาพแข็งแรงย่อมสามารถทำอะไรได้มากกว่าคนที่ร่างกายอ่อนแอ ถ้ารู้ว่าสุขภาพสำคัญก็ควรดูแลตั้งแต่เป็นหนุ่มเป็นสาว มิใช่ไปออกกำลังกายตอนแก่ การทำอะไรตามใจตัวเองนั้นจะไม่ส่งผลดีต่อตัวเองแน่นอน “ตามใจปากระวังจะเป็นหมู ตามใจจู๋ระวังจะเป็นเอดส์” การตามใจปากนั้นมีโอกาสที่จะอ้วนเป็นอย่างมาก ท่านรู้ไหมว่า
1 อ้วนเท่ากับ 10 โรค
นำทีมโดยเบาหวาน และตามด้วยอีก 9
โรค เช่น
เบาหวาน+ความดัน
เบาหวาน+แผลกดทับ เบาหวาน+ อีกมากมายหัวใจจะวายเสียก่อน รู้ตัวแล้วก็ออกกำลังกายเสียก่อนที่จะได้รับราชการ มิใช่สอบได้แล้วตรวจโรคไม่ผ่าน คนที่ออกกำลังกายในปัจจุบันนี้มี 3 ประเภท คือ
ออกกำลังกายเพราะหมอสั่ง (ไม่ออกตาย...555)
ออกกำลังกายเพราะสุขภาพ
(พวกนี้ออกเป็นประจำเพราะรักตัวเอง)
ส่วนพวกที่สามออกกำลังกายเพราะรักคนอื่น (กลัวหุ่นไม่สวยไม่หล่อโดยเฉพาะมีแฟนเด็ก..555)
2. มีสติปัญญาที่เฉียบคม หาความรู้ใหม่ (หลักคิด : ขยัน
ซื่อสัตย์ อดทน) หาความรู้ในหลายๆด้าน ให้ทันกับเหตุการณ์ ยุคสมัยในปัจจุบัน การกระทำในทุกๆเรื่องต้องมีความขัน ซื่อสัตย์
อดทน เป็นหลัก เพื่อนำความรู้มาใช้ในการแก้ปัญหา “พี่ไทยมักทำจากใหญ่มาหาเล็ก”
ตามสโลแกนคิดใหญ่ทำใหญ่
แต่ไม่มีความพร้อมอะไรสักอย่างสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหาอะไร งานมักจะล่มอยู่เสมอ “เจ๊กทำจากเล็กไปใหญ่” การทำงานตามลำดับขั้น มีการเติบโตเป็นขั้นเป็นตอน มีสติปัญญาอยู่เสมอ จึงมิใช่เรื่องแปลกที่
คนรวยส่วนมากจะเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ก็เพราะการใช้สติปัญญาอันแหลมคมนี่เอง
3. มีความเพียรเป็นเลิศ “ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน “ คนขยันนั้นมีโอกาสมากกว่าคนที่ขยันน้อย การเตรียมตัวเองเรื่องของความเพียรพยายามเป็นเรื่องที่สำคัญมาก “คิดแล้วทำจึงสำเร็จ”
การเข้าสู่ระบบราชการและการเป็นข้าราชการที่ดี
ในปัจจุบันคนไทยเรายังมีการคัดเลือกคนเข้าสู่ระบบราชการ มีสองระบบ คือระบบอุปถัมภ์กับระบบคุณธรรม (Patronage
system and Merit system) ทั้งนี้ทั้งดูได้จาก
วิธีการคัดเลือกบุคลากรเข้าทำงานของข้าราชการในการบรรจุเข้ารับตำแหน่งทางราชการ
ระเบียบกฎเกณฑ์และระเบียบวินัยทางราชการตลอดจน
ระบบรักษาคุณธรรมที่มีอยู่ในสำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ปัจจุบันก็ยึดแนวการสอบผ่านข้อเขียนที่ 60
เปอร์เซ็นต์
สำหรับคนที่ต้องการสอบบรรจุเป็นข้าราชการครูก็มีหลักการในการเข้าสู่ตำแหน่งข้าราชการครู ดังต่อไปนี้
1.
สมัครเข้าเป็นครูอัตราจ้าง
มีข้อคำถามมากมายเกี่ยวกับการเป็นครูอัตราจ้าง
เนื่องจากการเป็นครูทำให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับวิชาที่เกี่ยวกับวิชาชีพมากกว่าคนอื่น เน้นย้ำสำคัญมากคือ ต้องเป็นครูอัตราจ้างจากเงินอุดหนุนของรัฐบาลเท่านั้น
เพราะว่าการจ้างด้วยเงินรัฐบาลนั้นมีโอกาสในการเปิดตำแหน่งรับต่อไป
ไม่ควรเป็นครูอัตราจ้างด้วยเงินอุดหนุนอื่นๆ เช่น เงินจากกองทุนอาหารกลางวัน
เงินทุนจากสวนปาล์มโรงเรียน เป็นต้น
และเมื่อเป็นครูอัตราจ้างครบสามปีก็มีโอกาสสอบเป็นการภายในก่อน
จึงมีโอกาสก่อนคนอื่นๆ
2. ไปสอบในพื้นที่ๆมีโอกาสมาก
เป็นคำแนะนำพิเศษสำหรับคนที่ต้องการเป็นข้าราชการ เช่น บางจังหวัดมีคนสอบน้อยก็ควรสมัคร
การไปสอบจังหวัดที่มีการแข่งขันสูงก็ย่อมมีโอกาสน้อยกว่า มีหลายคนแนะนำว่า ไปแม่ฮ่องสอน (สอนบนดอย) ไปสามจังหวัดชายแดนใต้
3. มีเพื่อนเป็นหนังสือ คนที่อ่านหนังสือมากกว่า
ย่อมมีโอกาสสอบได้มากกว่าคนที่ไม่อ่านหนังสือ
ให้รักการอ่านหนังสือ
ศึกษาว่าเขาสอบอะไรบ้าง เรื่องอะไรบ้าง
และวางแผนการอ่านหนังสือล่วงหน้าเพื่อการสอบที่มีประสิทธิภาพกว่า ไม่ควรซื้อเอกสารจากสำนักติว
ควรซื้อหนังสือจากสำนักพิมพ์ที่มีชื่อเสียงเนื่องจากคนเขียนเป็นนักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้
ถามว่าทำไมต้องอ่านหนังสือจากสำนักพิมพ์ที่มีชื่อเสียง
ก็เนื่องจากว่าคนที่ไปออกข้อสอบนั้นเขาต้องถูกกักบริเวณ
พอเขาคิดข้อสอบได้สักพักสมองเขาก็ไม่แล่นแล้ว
เขาก็เปิดจากหนังสือเหล่านี้นั่นเอง
สำหรับคนที่มีโอกาสได้เป็นข้าราชการแล้ว ก็ควรยึดหลักของคุณธรรมจริยธรรมอันดีงาม เพื่อพัฒนาประเทศให้เจริญเติบโตต่อไป “คิดเป็นเมื่อยังหนุ่ม ไม่ต้องกลุ้มเมื่อตอนแก่” เมื่อเราคิดได้ตอนที่เราสำเร็จการศึกษา
เรามีโอกาสพัฒนาตนเองไปได้เร็วกว่าคนที่คิดได้ทีหลัง ต้องคิดตามแบบคนสำเร็จแล้ว (Benchmarking)
จะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการลองผิดลองถูก ส่วนเวลาตกอย่าท้อ ต้องพยายามและองใหม่เสมอ หลักในการเข้ารับการสัมภาษณ์ ควรใช้หลักการ
“มาดต้องตา วาจาต้องใจ นิสัยต้องงาม” ควรฝึกตนให้มีคุณลักษณะนี้เสมอ การพัฒนาตัวเองต้องมีการดูแลสุขภาพ หาความรู้ใหม่และมีความเพียรเป็นเลิศ ส่วนการเข้าสู่ระบบราชการนั้น ควรสมัครเป็นครูอัตราจ้างก่อน
ไปสอบในพื้นที่ที่มีการแข่งขันน้อยและการอ่านหนังสือด้วยความเพียรเป็นสิ่งที่สำคัญ
ขอบคุณสำหรับการเข้าชม และอ่านบทความครับ
ตอบลบ