วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

คมธรรมนำชีวิต

 



            
ความสำเร็จมิได้เกิดขึ้นได้เพียงแค่ข้ามคืน เช่นเดียวกัน กรุงโรมก็มิได้สร้างเสร็จในวันเดียว การวางแผนชีวิตอย่างมีเป้าหมาย มีเข็มทิศในการเดินทางก็เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับความสำเร็จ คนที่ไร้เป้าหมายก็เหมือนกับคนที่เป็นไม้หลักปักขี้เลน มีแต่เอนไปเอนมา ไม่มีทางที่จะมั่นคงได้ การเลือกคู่ชีวิตก็เช่นกัน ถ้าเลือกคนที่มีเป้าหมายไม่ชัดเจนละก็รับรองว่า หาฝั่งฝันไม่เจอ มันจะทำให้ชีวิตเหนื่อย เหนื่อย เหนื่อยเป็นอย่างมาก ยังมีเวลาคิด คิดผิดคิดใหม่ได้ แล้วเราจะนำเอาหลักธรรม หลักการมาใช้ในการเดินทางของชีวิตได้อย่างไร ถ้าใครใช้หลักต่อไปนี้รับรองว่า ไปไกลได้มากกว่าคนอื่นก็แล้วกัน มาดูซิว่าคืออะไรบ้าง  

            1. มีความรู้  ดูภูมิฐาน มีหลายคนพยายามบอกว่าการเรียนไม่มีความสำคัญแล้วในปัจจุบัน แต่ขอบอกว่ามันยังสำคัญและสำคัญเป็นอย่างมากด้วย เกรดสำคัญไหม บอกว่าสำคัญ ถ้าคนเรายังไม่รู้จักกันมาก่อน เวลาสมัครงานเขาก็จะดูเรื่องคะแนนหรือเกรดเฉลี่ยนั่นแหละ ถามว่าดูทำไมตัวแรกเลยเกรดจะบ่งบอกว่าเรามีความรู้เพียงพอไหม เกรดจะบอกว่าเรามีความรับผิดชอบหรือไม่ ถ้าเราติด 0 หรือ ติด F นั่นแสดงให้เห็นว่าความรับผิดชอบของเรามันน้อย ส่วนการดูภูมิฐานละคืออะไร บุคลิกภาพของเราครับ ถ้าเราแต่งตัวดีก็แสดงว่าเรามีความเอาใจใส่ ละเอียดกับการแต่งกายให้ดูภูมิฐาน และการแต่งกายที่ดีก็ถือว่าเป็นการให้เกียรติตัวเองแม้ว่าบางทีคนอื่นจะไม่ให้เกียรติเราก็ตาม

            2. เสมอภาค โปร่งใส ตรวจสอบได้ ในหลักการบริหารจัดการของภาครัฐเขานำเอาเรื่องของหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารจัดการภาครัฐ หน่วยงานใหนไม่มีกลักธรรมาภิบาลก็จะทำให้องค์กรมีคอรัปชั่นมาก รวมถึงความยุติธรรมทีมีน้อยกว่าปกติทั่วไป การทำงานก็ควรยึดหลักความเสมอภาคทุกคนควรมีสิทธ์มีเสียงในองค์กรเท่าเทียมกัน ทำให้องค์กรมีความน่าอยู่ขึ้น ส่วนความโปร่งใสก็เป็นเรื่องของความชัดเจนในการทำงาน ระบบการเงินที่ตรวจสอบได้ ควรตรวจสอบได้ทั้งระบบในการทำงานทั้งระบบ  






            3. สิ่งที่เราเห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เราคิด สิ่งที่เราคิดอาจไม่ถูกต้องเสมอไป การนำเอาหลักคิดข้อนี้ไปใช้ในการดำเนินชีวิตก็เป็นการลดความเป็นอัตตาของตัวเองลง ไม่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล คิดแล้วถูกไปหมด ไม่ฟังแนวคิดของผู้อื่น และเป็นการฝึกให้เป็นคนมองรอบด้านมองในหลายมิติ เอาใจเขามาใส่ใจเราด้วย ทำให้อยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีความสุข เน้นคำสำคัญเรื่องความสุข มันเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิตคน






            4. อะไรที่เคยทำ ทำแล้ว ทำเล่า เฝ้าแต่ทำ ก็จะเกิดความเชี่ยวชาญ ในการใช้ชีวิตควรต้องมีอะไรสักอย่างที่มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ อาจไม่จำเป็นต้องเก่งทุกเรื่องนะครับ แต่ต้องมีเรื่องที่เก่งที่สุดสักเรื่องสองเรื่องที่เราเป็นผู้เชี่ยวชาญ หลักสำคัญก็คือให้เป็นเรื่องที่เราชอบและสามารถทำเงินได้ด้วยนะครับ ทุกอย่างจะไปด้วยกันได้ดีไม่มีฝืน





            5. เก่งคน เก่งคิด เก่งทำ เก่งคนนั้น หมายถึง อ่านคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น ดูลักษณะของคนสามารถบอกได้ว่าคน ๆ นั้นมีจริตอย่างไรบ้าง จะได้ใช้งานได้อย่างถูกต้อง เก่งคิดก็คือรู้จักการวางแผนการดำเนินงานให้ไปข้างหน้าของมีเป้าหมายและทิศทางที่ถูกต้อง ส่วนการเก่งทำนั้นเน้นการลงมือทำครับ ลงมือทำก่อนที่จะพร้อม





         6. คิดดี ทำดี พูดดี เป็นหลักสำคัญของการใช้ชีวิต ความคิดของเราเป็นจะนำมาซึ่งคำพูดและคำพูดของเราก็จะกลายเป็นการกระทำ ดังนั้นการคิดดีก็คือคิดให้ถูกต้อง ไม่พยาบาทโกรธแค้นใคร ไม่คิดอยากได้ของคนอื่น การทำดี ประพฤติดีก็คือการไม่ผิดลูกผิดเมีย ผิดผัวคนอื่น ไม่รังแกหรือเบียดเบียนคนอื่นทั้งคนและสัตว์ ส่วนการพูดดีก็คือ ไม่พูดส่อเสียดคนอื่น ไม่พูดโกหก ไม่พูดเพ้อเจ้อ ไม่พูดหยาบคาย ก็ถือว่าท่านได้นำเอาหลักธรรมมานำชีวิตแล้ว


          

วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

เพิ่มบารมีด้วยสัจจะ เพิ่มอาชีวะด้วยด้วยความเพียร



 

เพิ่มบารมีด้วยสัจจะ เพิ่มอาชีวะด้วยด้วยความเพียร

    

        สัจจะ คือ ความจริง ความสัตย์ ความซื่อ ความจริงใจ หรืออีกนัยหนึ่งก็แปลว่าตรง คือทำให้ตรง ไม่บิดพริ้ว ไม่เหลวไหล ไม่ทำอะไรเล่น ๆ แสดงให้เห็นว่าคนที่มีสัจจะมักจะมีความรับผิดชอบสูง ให้ทำงานอะไรก็จะประสบความสำเร็จ เพราะนั่นก็คือสัจจะบารมีนั่นเอง แล้วถามว่าเพิ่มบารมีด้วยสัจจะคืออะไร ก็คือการยึดถือสัจจะทั้ง 5 ประการจะทำให้เรามีบารมีมากขึ้น พูดอะไรใครก็เชื่อถือ แล้วเพิ่มอาชีวะด้วยความเพียรคืออะไร อาชีวะคืออาชีพ การงาน การทำงานให้เจริญก้าวหน้า ดังนั้นการมีความเพียรที่เกิดจากสัจจะย่อมส่งผลให้อาชีพการงานดีมาก ยิ่งขึ้น แล้วเราจะเพิ่มบารมีในเรื่องสัจจะได้อย่างไร ซึ่งมีดังต่อไปนี้ครับ


    1. สัจจะต่อหน้าที่  หมายความว่า เรามีหน้าที่อะไรก็จงหน้าที่ของเราให้ดี เพราะทุกคนเกิดมาย่อมมีหน้าที่ที่ตนเองมี เช่น หน้าที่การเป็นสามี ภรรยา ก็ควรรักและรับผิดชอบต่อครอบครัวเป็นอย่างดี เลี้ยงดูมิใช่ไปแอบมีคนรักอื่น มีกิ๊กเล็กกิ๊กน้อยซึี่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะไม่ควรด้วย   การเป็นภรรยาก็เช่นกันก็ควรดูแลสามี มิใช่ปล่อยให้เป็นไปตามบุญตามกรรม หน้าที่การงานก็เช่นเดียวกัน ต้องทำให้เต็มความสามารถทุ่มเทให้เต็มที่เป็นที่ไว้วางใจของผู้ใหญ่ในงาน หน้าที่ความเป็นลูก หน้าที่ความเป็นพ่อแม่ เป็นต้น


    2. สัจจะต่อการงาน หมายความว่า ทำอะไรทำจริง "กยิราเจ กยิราเถนัง" ซึ่งเป็นหลักของของคนที่ทำงานด้านพลศึกษา กีฬา ได้ยึดหลักการทำงานแบบนี้มาเนิ่นนาน ซึ่งมันต่อเนื่องมาจากสัจจะต่อหน้าที่ เมื่อมีหน้าที่แล้วการมีงานก็ย่อมเกิดตามมา คน 3 ประเภทที่ไม่มีสัจจะต่องานให้เลี่ยงเสีย ไม่ควรคบหาสมาคมด้วย คือ พวกทำให้งานเสียหาย พวกทำงานเหลาะแหละ พวกทำงานคั่งค้าง พวกนี้มิควรมีไว้ในองค์กร หรือถ้าจำเป็นต้องมีต้องให้มีหน้าที่ในตำแหน่งที่ต่ำ ไม่สูง เพราะจะพาให้องค์กรเสียหาย


    3. สัจจะต่อบุคคล หมายความว่า ต้องมีความจริงใจต่อบุคคล โดยเฉพาะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวเราต้องจริงใจต่อกันไม่หลอกลวงกัน ไม่เอาความเชื่อใจไปเอาเปรียบคนอื่น อย่าเอาเปรียบคนดี เวลาเจอคนดีที่เขาดีกับเราเราควรดีตอบมิใช่ไปเอาเปรียบเขา แน่นอนว่าถ้าเราไม่จริงใจกับเขาแล้ว เขาก็ย่อมไม่จริงใจกับเราเช่นกัน


    4. สัจจะต่อวาจา หมายความว่า พูดคำใหนต้องคำนั้น ไม่ว่าจะพูดด้วยคำพูดหรือการพูดด้วยการเขียน หรือเป็นคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร ก็ต้องยึดถือคำนั้น อย่างเช่น บริษัทประกันแห่งหนึ่งขายประกันสุขภาพโรคโควิด19 พอมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้นก็ส่งหนังสือยกเลิกกับผู้ซื้อประกันถือได้ว่าไม่มีสัจจะวาจา โดยทั่วไปแล้วสัจจะวาจามีด้วยกัน  2 ประเภทคือ พูดอย่างไรทำอย่างนั้น กับ ทำอย่างไรพูดอย่างนั้น  เพียงเท่านี้ก็นับว่าเพิ่มบารมีได้มาก


    5. สัจจะต่อความดี หมายความว่า การประพฤติตนให้เป็นคนดีอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ต้องประพฤติตนให้อยู่ในความดี ความดีเบื่องต้น คือ คิดดี ทำดี พูดดี ก็คือ ทำความคิดเห็นของเราให้ถูกต้อง ไม่โลภอยากได้ของคนอื่น ไม่คิดร้ายกับใคร รู้จักการให้อภัย ไม่พูดเท็จ ส่อเสียด หยาบคาย เพ้อเจ้อและไม่เบียดเบียนทั้งคนและสัตว์อื่น ไม่ลักไม่เอาของใครที่เจ้าของเขาไม่อนุญาต ไม่ผิดลูกผิดเมียผิดผัวของคนอื่น


    การประฤติตามหลักสัจจะช่วยเพิ่มบารมีของเขาให้มากขึ้น ทำให้มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น มีความสามารถมากขึ้นเพราะว่าเราได้มีสัจจะต่อการงานแล้ว ทำให้โอกาสในการเจริญก้าวหน้าในชีวิตการงานย่อมมีตามไปด้วย  ถามต่อว่าบารมีเกิดจากอะไร ก็เกิดจากสัจจะนี่แหละ ดังคำกล่าวของท่านหลวงปู่วิริยังได้กล่าวไว้ว่า " ความดีทำให้มาก ๆ เขาจะเรียกว่า บุญ ส่วนบุญทำให้มากเข้าเขาเรียกว่าวาสนา เมื่อมีวาสนามากขึ้นก็จะกลายเป็นบารมีในที่สุด" การมีสัจจะจึงเป็นการสร้างบารมี ความก้าวหน้าในงานก็เช่นเดียวกันย่อมมาจากความเพียร



                                                         ปางมารวิชัย ทรงชนะมารด้วยบารมี

สิ่งที่คุณควรมีหลังอายุ 40+

 สิ่งที่คุณควรมีหลังอายุ 40+

   หลายๆคนคงรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงหลังอายุ 40 ขึ้นไปนะครับ ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จในการงานอาชีพ ลาภ ยศ สรรเสริญุ มาถึงวันนี้แล้วเหมือนว่ามันไม่ใช่ความสำคัญลำดับต้นๆอีกต่อไป สิ่งที่คุณควรมี ดังต่อไปนี้ครับ

   1.  สุขภาพที่ดี  ใครที่ทำแต่งานไม่รักษาสุขภาพ บอกได้เลยว่าคุณต้องรักษาสุขภาพในราคาที่แพงลิ่วในอนาคตอันใกล้  สิ่งที่ควรทำด่วนที่สุด คือ หาแรงจูงใจในการออกกำลังกายครับ ถ้าบอกให้ออกกำลังกายเฉยๆ คงไม่มีทาง ทำอะไรใจต้องมาก่อน ถ้าใจได้ร่างกายก็ออกกำลังกายได้ หรือเข้าไปเป็นสมาชิกชมรมหรือสมาคมที่เกี่ยวกับการออกกำลังกายสักอย่างหนึ่ง

    2. การเงินที่แข็งแกร่ง  หลายๆคนพยายามหาเงิน แต่ก็ไม่มีเงินเพียงพอสักที  จริงๆแล้วหาได้เท่าไรไม่สำคัญเท่าเหลือเท่าไรครับ การออมเงินเป็นเรื่องที่สำคัญ กระแสเงินสดก็เช่นเดียวกัน และก็อย่าหลงประเด็นว่า การซื้อบ้านซื้อรถเงินผ่อนเป็นสินทรัพย์นะครับ เงินออกจากกระเป๋าประจำเป็นหนี้สินครับ

    3. ครอบครัวที่น่ารัก  วัยนี้แล้วถ้าใครยังหลงไหลได้ปลื้มกับการมีกิ๊กเล็กกิ๊กน้อยอยู่ละก็ บอกได้เลยว่าหาความสุขยากครับ ความรักที่ปราศจากความไว้ใจบอกได้เลยว่าทุกข์ถนัด  จงหยุดแล้วหันกลับมาดูแลเอาใจใส่ครอบครัวให้ดีครับ

     4. เข้าสังคมเพื่อตอบแทนสังคม  โดยการร่วมกับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนเก่าแก่ ทำกิจกรรมตอบแทนสังคมโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน  จัดสรรเงินบางส่วนหรือประมาณ 10 % ของรายได้ทำการกุศลครับ เน้นว่าทำการกุศลนะครับ

      5. เลิกยุ่งเรื่องชาวบ้าน  ความสุขในข้อสุดท้ายนี่ก็คือการไ่ม่ยุ่งกับเรื่องของชาวบ้านภาษาใต้เค้าเรียกว่า “ไม่เข้าสวนเพื่อน” ภาษากลางเรียก “ไม่วุ่นวายเรื่องเพื่อน” จะทำให้ใจเราสงบมากขึ้น ไม่ว้าวุ่น ไม่รับรู้เรื่องคนอื่น ให้โฟกัสแต่เรื่องของตัวเองเท่านั้น 

     เพียงเท่านี้ชีวิตหลัง 40 + ก็จะมีความสุข ตลอดไปครับ ใครที่ยังหลงระเริง หลงประเด็นของการใช้ชีวิตก็รีบกลับตัวยังไม่สายครับ

หลังอายุ 40+


วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

รหัสรัก รหัสลับฉบับลุงตู่

 


          การส่งรหัสรักสู่ประชาชนในหลาย ๆ ครั้งทำให้มองว่าท่านลุงตู่มีสัญลักษณ์ที่ส่งสู่ประชาชนในหลายรูปแบบ เพื่อให้หลายคนที่ไม่ค่อยเข้าใจท่านลุงตู่ หรือเป็นคนที่เข้าใจอะไรยาก หรือไม่อยากเข้าใจก็แล้วแต่ก็ควรที่จะได้รับข้อมูลที่ตรงกับการส่งสัญลักษณ์มา ในหลายช่วงหลายตอนต่างกรรมต่างวาระย่อมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จึงขอชี้แจงรหัสดังต่อไปนี้

          1. BNK48 กับรหัสรักท่าเต้นคุกกี้เสี่ยงทาย การเต้นคุ๊กกี้เสี่ยงทายกับหลาน ๆ ทั้ง 12 คนซึ่งเป็นเกิร์ลกรุ๊ฟ วง BNK48 พื่อเป็นการซื้อใจกลุ่มวัยรุ่นให้รักลุงตู่มากขึ้น จะเห็นได้ว่าปัจจุบันเด็ก ๆ ก็ไม่ได้รักลุงตู่สักเท่าไร การส่งสัญญาณรักในครั้งนั้นได้ผลเพียงระยะสั้น ๆ เท่านั้น ครั้งนั้นน้องเชอปรางค์ซึ่งเป็นกัปตันวงได้นำสมาชิกภายในวงเข้าพบนายกเพื่อประชาสัมพันธ์สถานีวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์ ในวันที่ 24 เมษายน 2561 

                                      BNK48 with uncle TU

          2. AKB48 กับรหัสรักท่าเต้น KFC การเต้นในครั้งนี้หวังผลในเรื่องความเชื่องโยงทางวัฒนธรรมและความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับญี่ปุ่น เป็นการบอกรหัสรักว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับคนรุ่นใหม่ ครั้งนั้นขณะนั้นนับว่าได้ผลความสัมพันธ์ไทยญี่ปุ่นดีขึ้น คนรุ่นใหม่ก็ได้รับความสำคัญโดยการผ่านกฎหมายสำหรับเยาวชนหลาย ๆ ฉบับ นับว่าเป็นรหัสรักที่ดี สมาชิกเกิร์ลกรุ๊ฟจากประเทศญี่ปุ่นประกอบด้วย อาซาอิ นานามิและคณะทั้ง 6 คน ณ ตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 13 กันยายน 2561

 

                                        AKB48 with uncle TU

 

          3. Mini heart จ่ากราดยิง เป็นการส่งรหัสรักแบบมินิฮาร์ทให้กับประชาชน หลังจากแถลงข่าวกรณีจ่าคลั่งกราดยิงประชาชนซึ่งมีคนเสียชีวิตจำนวนมากถึง 30 คนและมีคนได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งก่อนขึ้นรถกลับนายกได้ยกมือส่งมินิฮาร์ทให้กับประชาชนที่มาคอยต้อนรับมีความหมายในการส่งรหัสรักครั้งนั้นว่า “รักทุกคนนะ” ซึ่งเป็นท่าประจำตัวลุงท่านอยู่แล้ว ความหมายก็คือรักประชาชนทุกคน แต่ในระดับการเมืองฝ่ายค้านไม่ได้มองอย่างนั้นเขาถือว่าวิกฤติภาวะผู้นำ จนมีการโพสท์ขึ้นอันดับหนึ่งในทวิตเตอร์ว่า“ผนงรจตกม” มันแปลว่าอะไรผู้เขียนก็ไม่อาจรู้ได้ 

                                          Mini heart in Korat

          4. WE love ฉบับสุรินทร์-บุรีรัมย์  เป็นการนำคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและมีการเตรียมการแข่งขันจักรยาน PPT Thailand open เป็นรายการแข่งขันระดับโลกเลยทีเดียว นายกได้ส่งรหัสรักกับผู้ที่มาต้อนรับด้วยสัญลักษณ์ “ผมรักคุณ คุณรักผมไหม” ขณะนั้นเป็นวันที่   7-8 เมษายน 2561 สถานการณ์ตอนนั้นมันชื่นมื่นกับพรรคภูมิใจไทย แต่ตอนนี้ไม่แน่ใจนะว่าเขายังจะรักท่านลุงอยู่ไหมยังไม่แน่ใจเลย

                                 We love uncle TU from BBR

 

          5. vaccine ชู 2 นิ้ว การชูสองนิ้วของนายกรัฐมนตรีที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จริงๆแล้วความหมายในขณะนั้น หมายความว่าอย่างไร แต่มีผู้นำรหัสลับนี้มาเขียนไว้ว่า วัคซีน 2 ยี่ห้อ ซึ่งเขาหมายถึง ซิโนแวค กับ แอสตร้าซีเนก้า จริงๆ แล้วมันหมายความอย่างนั้นจริงหรือ? เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2564 ที่ผ่านมานี่เอง

                                                                2 vaccine symbol

          6. Phuket sandbox   การส่งรหัสลับครั้งนี้มีความหมายชัดเจนว่า สู้ๆ คุณจะสู้ไปกับผมไหม ในงานต้อนรับ Phuket sanbox พร้อมประกาศเปิดประเทศภายใน 120 วัน แต่ก็มีคนถามย้ำว่าจะเป็นไปได้หรือ?


                                         Phuket sandbox 

นักกรีฑาที่เซ็กซี่ที่สุดในโอลิมปิค 2020

 

Sexiest Athlete in Olympic 2020

            สืบเนื่องจากกีฬาโอลิมปิคฤดูร้อน 2020 หรือมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “กีฬาโอลิมปิคครั้งที่ 32 “ หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า โตเกียวเกมส์ 2020 เป็นมหกรรมกีฬาที่ตื่นตาตื่นใจของคนทั่วโลกที่เฝ้าคอยชมนักกีฬาที่ดีที่สุดของโลกเข้าทำการแข่งขัน ซึ่งเป็นกีฬาประเพณีทีสำคัญของชาวโลกด้วย หลังจากกำเนิดครั้งแรกที่ประเทศกรีซ และในครั้งนี้จัดขึ้นที่กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น จัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 กรกฏาคม – 8 สิงหาคม 2564 แต่เนื่องจากในครั้งนี้มีเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด19 ทำให้จำนวนประเทศที่เข้าร่วมมีจำนวนน้อยลง รวมไปถึงจำนวนนักกีฬาและนักกรีฑาก็น้อยลงไปด้วย แต่อย่างไรก็ต้องจัดท่ามกลางมาตรการที่เข้มงวด ยังไม่แน่ชัดว่าการแข่งขันจะอนุญาตให้มีผู้เข้าชมหรือไม่

          การเข้าร่วมกีฬาโอลิมปิคในครั้งนี้ ยังมีกลิ่นอายของนักกรีฑาสาวสวยระดับทีมชาติเยอรมันดินแดนอินทรีเหล็กที่จะเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ชื่อเสียงของเธอดังก่อนที่จะได้เหรียญโอลิมปิคซะอีก แล้วเธอเป็นใคร? ทำใมถึงได้มีชื่อเสียงโด่งดังขนาดนี้ เธอชื่อว่า “อลิชา สมิดท์” เป็นนักกรีฑาสาวสวย ที่แฟนต่างให้การยกย่องและยอมรับว่าสวยและเซ็กซี่ที่สุดในวงการกรีฑา มิใช่สวยเพียงอย่างเดียวเธอยังคว้าเหรียญเงินและเหรียญทองแดงในรายการชิงแชมป์ยุโรปมาแล้ว และมีแนวโน้มว่าเธอจะเป็นนักกรีฑาสาวที่จะแจ้งเกิดในโอลิมปิคโตเกียวในครั้งนี้ รายการแข่งขันที่เธอถนัดคือ วิ่งผลัด 4x400 เมตรหญิง รายการ 200 เมตรหญิงและรายการ 400 เมตรหญิงอีกด้วย


                                                               Alica in Euro Athlete

          ที่สำคัญคือเธอมีอินสตาแกรมที่มีแฟนคลับติดตามมากกว่า 6 แสนคน นับว่าเป็นบุคคลที่มีคนติดตามเป็นจำนวนมาก อาชีพในปัจจุบันคือ โค้ชฟิตเนส เธอมีฟิตเนตเป็นธุรกิจส่วนตัวพร้อมกับการไปเป็นโค้ชฟิตเนสให้กับสโมสรดอร์ทมุนต์ ซึ่งเป็นสโมสรฟุตบอลที่ดังที่สุดในเยอรมัน  บอกได้เลยว่าราคาค่าตัวในความสามารถไม่น้อยหน้านักฟุตบอลแต่อย่างใด สิ่งที่ทำให้ดีใจมากอย่างหนึ่งคือเธอบอกว่าไม่มีทางที่เธอจะถ่ายภาพโป้โดยเด็ดขาด เท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้มันก็งดงามดีอยู่แล้ว

Alica in fitness coach

          คอยชมเธอในโอลิมปิคฤดูร้อน 2020 ท่กำลังจะมาถึงกันอย่างใจจดใจจ่อ ขอให้เธอโชคดีในการแข่งขันได้ระดับเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิคเถิด แล้วพวกเราจะคอยเธอ “อลิชา สมิดท์”

 

ที่มาภาพ: www.instagram/alicasmd.

         

วันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

อัตราเงินเดือนข้าราชการไทยจากอดีตจนถึงปัจจุบัน

ข้าราชการไทย


     เงินทองของนอกกายไม่ตายหายากฉิบหาย” คำกล่าวนี้เป็นจริงอย่างมากสำหรับในยุคปัจจุบัน “มีเงินนับเป็นน้องมีทองนับเป็นพี่” ดังนั้นในบทความนี้จึงขออนุญาตนำเอาเงินมาเปรียบเทียบกับทอง ซึ่งการเปรียบเทียบนี้มีมาตั้งแต่อดีตกาล หรือแม้แต่คนทั่วโลกก็ทำกันเพื่อให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างเงินกับทอง ในสมัยของรัฐบาลในแต่ละชุดนักข่าวชอบเปรียบเทียบระบบเศรษฐกิจกับไข่นายก หมายความว่า ราคาไข่จะบ่งบอกว่าเศรษฐกิจเป็นอย่างไร ที่ผ่านมาเช่น ไข่ท่านชวนราคา 2.50 บาท ไข่ท่านอภิสิทธิ์ 3.10 บาท ไข่ท่านทักษิณราคา 3.00 บาท แต่ปัจจุบันก็ไม่อยากเปรียบเทียบกับไข่ท่านประยุทธ์ ในครั้งนี้จะยึดอัตราเงินเดือนของข้าราชการในระดับปริญญาตรี หรือ ระดับซี 3 นั่นเอง เปรียบเทียบกับราคาทองคำที่สมาคมผู้ค้าทองเป็นผู้รับรอง  ดังต่อไปนี้ครับ

อัตราเงินเดือนข้าราชการไทย

วันเดือนปี

อัตราเงินเดือน(บาท)

ราคาทอง(บาท)

หมายเหตุ

7 ก.พ. 2518

750

1,580

พรบ. เงินเดือนฯ

1 ก.พ. 2521

900

1,982

พรบ. เงินเดือนฯ

1 ม.ค. 2523

1,080

5,660

พรบ. เงินเดือนฯ

1 ม.ค. 2525

1,255

4,239

พรบ. เงินเดือนฯ

1 ม.ค. 2532

2,100

5,004

พรบ. เงินเดือนฯ

1 เม.ย. 2533

2,350

4,916

พรบ. เงินเดือนฯ

1 เม.ย. 2535

3,000

4,375

พรบ. เงินเดือนฯ

1 ต.ค. 2537

4,100

4,745

พรบ. เงินเดือนฯ

1 ม.ค. 2538

6,030

4,712

พรบ. เงินเดือนฯ

1 ม.ค. 2540

6,360

4,868

สมาคมผู้ค้าทอง

1 ม.ค. 2545

7,490

6,355

สมาคมผู้ค้าทอง

1 ต.ค. 2549

7,940

11,068

สมาคมผู้ค้าทอง

1 ต.ค. 2553

8,710

18,392

สมาคมผู้ค้าทอง

1 เม.ย. 2554

9,154

27,100

สมาคมผู้ค้าทอง

1 ม.ค. 2555

11,860

25,950

สมาคมผู้ค้าทอง

1 ม.ค. 2556

13,310

24,350

สมาคมผู้ค้าทอง

1 ม.ค. 2557

15,060

25,150

พรบ.เงินเดือนฯ

1 ก.ย. 2563

15,060

30,120

สมาคมผู้ค้าทอง

1 ม.ค. 2564

15,060

27,650

สมาคมผู้ค้าทอง

 

          จะเห็นได้ว่า อัตราเงินเดือนกับทองมีแนวโน้มขึ้นลงตามเศรษฐกิจของไทยและเศรษฐกิจของโลก ส่วนทองมีความผันผวนมากกว่าอัตราเงินเดือนเนื่องจากเป็นตัวค้ำประกันการพิมพ์ธนบัตรของแต่ละประเทศออกมาเพื่อป้องกันเงินเฟ้อ จะเห็นได้ว่าในอดีตข้าราชการที่มีเงินเดือนเพียงพันกว่าบาทก็สามารถอยู่ได้เนื่องจากข้าวของมีราคาไม่สูง  แต่ที่น่าสงสัยคือตั้งแต่ปี พ.ศ.2557 จนปัจจุบันอัตราเงินเดือนไม่เพิ่มขึ้นตามเศรษฐกิจโลก


ภาพที่ 1 เงินทองของนอกกาย


อ้างอิง

สมาคมผู้ค้าทอง. (2564).  ราคาทองคำจากอดีตถึงปัจจุบัน. สืบค้นเมื่อ 10 เมษายน 2564, จาก           www.goldtradders.or.th/

สำนักงานข้าราชการพลเรือน. (2564). ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินเดือนและเงินประจำ ตำแหน่ง. สืบค้นเมื่อ 10 เมษายน 2564 จาก www..ocsc.go.th