วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2567


 หนังสือ “ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน” เขียนโดย คุณกวี ชูกิจเกษม และ คุณสุรศักดิ์ ธรรมโม


เนื้อหาสำคัญในหนังสือประกอบด้วย:


1. หลักการพื้นฐานของการออมเงิน:

การสร้างนิสัยการออมตั้งแต่อายุยังน้อย

การสร้างนิสัยการออมตั้งแต่อายุยังน้อยจากหนังสือ “ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน” มีหลักการที่สำคัญดังนี้:


1.1 การตั้งเป้าหมายการออมที่ชัดเจน:

กำหนดเป้าหมายที่ต้องการออม เช่น ออมเพื่อการศึกษา ซื้อของที่ต้องการ หรือเพื่อการเกษียณ

แบ่งเป้าหมายเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อให้การออมมีทิศทางและมีกำลังใจในการทำตามเป้าหมาย

1.2. การออมเงินเป็นประจำ:

เริ่มออมเงินจากจำนวนเล็กน้อย แต่ทำอย่างสม่ำเสมอ เช่น ออมทุกวันหรือทุกสัปดาห์

หักออมจากรายได้ทุกครั้งก่อนใช้จ่าย เช่น กำหนดให้ออมเงิน 10% ของรายได้ที่ได้รับ

1.3. การสร้างวินัยในการใช้เงิน:

แยกเงินออมออกจากเงินที่ใช้จ่ายประจำวัน เพื่อไม่ให้ใช้เงินออมโดยไม่ตั้งใจ

ควบคุมการใช้จ่ายโดยการจดบันทึกรายรับ-รายจ่าย และปรับปรุงการใช้จ่ายตามความจำเป็น

1.4. การเรียนรู้เกี่ยวกับการเงินและการลงทุน:

ศึกษาเกี่ยวกับเครื่องมือทางการเงินต่าง ๆ เช่น บัญชีออมทรัพย์ พันธบัตรรัฐบาล หุ้น กองทุนรวม

เรียนรู้เรื่องการจัดการเงินเพื่อให้สามารถตัดสินใจในการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่ยอมรับได้

1.5. การรับแรงบันดาลใจจากตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จ:

อ่านกรณีศึกษาหรือฟังประสบการณ์จากผู้ที่สามารถสร้างทรัพย์สินได้ด้วยการออมเงินตั้งแต่อายุน้อย

เข้าร่วมกลุ่มหรือชุมชนที่มีคนสนใจในการออมและการลงทุนเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และแรงบันดาลใจ


การเริ่มต้นออมเงินตั้งแต่อายุยังน้อยช่วยให้มีเวลามากพอในการสะสมเงินและลงทุนให้เกิดผลตอบแทนที่มากขึ้นในระยะยาว ทั้งยังสร้างวินัยในการจัดการเงินที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตทางการเงินในอนาคต

การตั้งเป้าหมายการออมที่ชัดเจนและเป็นไปได้

การตั้งเป้าหมายการออมที่ชัดเจนและเป็นไปได้จากหนังสือ “ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน” มีหลักการดังนี้:


2.1. กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน (Specific):

ระบุเป้าหมายที่ต้องการอย่างชัดเจน เช่น “ออมเงินเพื่อซื้อบ้าน” หรือ “ออมเงินเพื่อการศึกษา”

เป้าหมายควรมีรายละเอียดที่ชัดเจนว่าออมเพื่ออะไร จำนวนเท่าไหร่ และเมื่อไหร่ที่ต้องการบรรลุเป้าหมายนั้น

2.2. วัดผลได้ (Measurable):

กำหนดจำนวนเงินที่ต้องการออมให้ชัดเจน เช่น “ออมเงิน 500,000 บาทภายใน 5 ปี”

แบ่งเป้าหมายใหญ่เป็นเป้าหมายย่อยที่วัดผลได้ง่ายขึ้น เช่น ออมเงิน 10,000 บาททุกเดือน

2.3. เป็นไปได้ (Achievable):

ประเมินรายได้และค่าใช้จ่ายปัจจุบันเพื่อกำหนดเป้าหมายที่สามารถทำได้จริง

เริ่มต้นจากเป้าหมายที่ไม่ยากเกินไป เช่น ออมเงิน 10% ของรายได้ แล้วค่อย ๆ เพิ่มสัดส่วนตามความสามารถ

2.4. เกี่ยวข้องกับชีวิตและความต้องการ (Relevant):

เป้าหมายการออมควรสอดคล้องกับชีวิตและความต้องการในระยะยาว เช่น ออมเพื่อการเกษียณ หรือออมเพื่อความมั่นคงทางการเงินในอนาคต

พิจารณาความสำคัญและผลกระทบของเป้าหมายต่อชีวิต เช่น การออมเงินเพื่อการศึกษาให้ลูก

2.5. มีกรอบเวลา (Time-bound):

กำหนดระยะเวลาในการบรรลุเป้าหมายอย่างชัดเจน เช่น “ออมเงิน 100,000 บาทภายใน 2 ปี”

ตั้งเป้าหมายระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อให้มีทิศทางและสามารถปรับตัวได้ตามสถานการณ์

2.6. ติดตามและปรับปรุงแผนการออม:

ติดตามผลการออมเป็นระยะ ๆ เพื่อดูความก้าวหน้าและปรับปรุงแผนการออมให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

ใช้เครื่องมือหรือแอปพลิเคชันในการติดตามการออมและการใช้จ่าย เพื่อให้เห็นภาพรวมชัดเจน


การตั้งเป้าหมายการออมที่ชัดเจนและเป็นไปได้จะช่วยให้การออมเงินเป็นเรื่องที่ทำได้จริงและสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาวได้

2. การลงทุนเพื่อเพิ่มพูนทรัพย์สิน:

การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล และกองทุนรวมตลาดเงิน

การลงทุนเพื่อเพิ่มพูนทรัพย์สินจากหนังสือ “ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน” มีแนวทางและหลักการสำคัญดังนี้:


1. การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ:

พันธบัตรรัฐบาล: เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและให้ผลตอบแทนที่มั่นคง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาเงินต้นและรับดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง

กองทุนรวมตลาดเงิน: เป็นกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงและมีความเสี่ยงต่ำ เช่น ตั๋วเงินคลังและตราสารหนี้ระยะสั้น

2. การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น:

หุ้น: การลงทุนในหุ้นของบริษัทต่าง ๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโต แม้จะมีความเสี่ยงสูงกว่า แต่สามารถให้ผลตอบแทนที่มากขึ้นได้ในระยะยาว

กองทุนรวมตราสารทุน: เป็นการลงทุนในหุ้นผ่านกองทุนรวมที่บริหารโดยผู้จัดการกองทุน ช่วยลดความเสี่ยงจากการเลือกหุ้นผิดตัวและเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทน

3. การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก:

อสังหาริมทรัพย์: การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน ที่ดิน หรือคอนโดมิเนียม สามารถให้ผลตอบแทนในรูปแบบของค่าเช่าและการเพิ่มมูลค่าของทรัพย์สินในระยะยาว

ทองคำ: ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่รักษามูลค่าในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน เป็นการลงทุนที่เหมาะสำหรับการกระจายความเสี่ยง

4. การประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทน:

การประเมินระดับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้และเลือกสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงนั้น

การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินและภาวะเศรษฐกิจเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน

5. การจัดการพอร์ตการลงทุน:

การกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภทเพื่อลดความเสี่ยง (Diversification)

การปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาดและเป้าหมายทางการเงินของตนเอง

6. การเรียนรู้และปรับปรุงความรู้ด้านการลงทุน:

การศึกษาหนังสือ บทความ และการเข้าร่วมสัมมนาเกี่ยวกับการลงทุนเพื่อเพิ่มความรู้และทักษะ

การติดตามข่าวสารและวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง


การลงทุนที่ดีจะช่วยเพิ่มพูนทรัพย์สินและสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว การศึกษาและการวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบเป็นสิ่งสำคัญในการประสบความสำเร็จในการลงทุน

การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เช่น หุ้น และกองทุนรวมตราสารทุน

3. การจัดการกับหนี้สิน:

วิธีการจัดการหนี้สินให้หมดเร็วขึ้น

วิธีจัดการกับหนี้สินให้หมดเร็วขึ้นจากหนังสือ “ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน” มีขั้นตอนดังนี้:


1. วิเคราะห์หนี้สินทั้งหมด:

รวบรวมหนี้สินทั้งหมดที่มีและสร้างรายการรวมถึงรายละเอียด เช่น ยอดคงค้าง ดอกเบี้ย และเงื่อนไขการชำระหนี้

จัดลำดับหนี้สินจากที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงสุดไปต่ำสุด

2. วางแผนการชำระหนี้:

กำหนดจำนวนเงินที่สามารถชำระหนี้ได้ในแต่ละเดือนโดยไม่ทำให้เกิดหนี้เพิ่ม

เลือกกลยุทธ์ในการชำระหนี้ เช่น การชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงสุดก่อน (Snowball Method) หรือการชำระหนี้ที่มียอดคงค้างน้อยที่สุดก่อน (Avalanche Method)

3. การเจรจากับเจ้าหนี้:

ติดต่อเจ้าหนี้เพื่อขอลดอัตราดอกเบี้ยหรือขยายระยะเวลาการชำระหนี้ ซึ่งอาจช่วยลดภาระทางการเงินได้

ขอปรับโครงสร้างหนี้ถ้าเป็นไปได้ เพื่อให้การชำระหนี้สะดวกขึ้น

4. เพิ่มรายได้:

หาวิธีเพิ่มรายได้เพิ่มเติม เช่น ทำงานพิเศษ หรือขายของที่ไม่ใช้แล้ว เพื่อเพิ่มจำนวนเงินที่สามารถนำมาชำระหนี้ได้

ใช้รายได้พิเศษเพื่อชำระหนี้ทันทีโดยไม่ใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็น

5. ลดค่าใช้จ่าย:

ตรวจสอบและตัดลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น ค่าอาหารนอกบ้าน ค่าเดินทาง หรือความบันเทิง

นำเงินที่ประหยัดได้มาชำระหนี้เพิ่มเติม

6. ติดตามและปรับปรุงแผน:

ติดตามความก้าวหน้าในการชำระหนี้และปรับแผนตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

ใช้เครื่องมือหรือแอปพลิเคชันในการติดตามการชำระหนี้เพื่อให้เห็นภาพรวมและประเมินผลได้ง่ายขึ้น

7. การใช้เงินโบนัสหรือเงินพิเศษ:

ใช้เงินโบนัส เงินคืนภาษี หรือเงินพิเศษอื่น ๆ มาชำระหนี้เพิ่มเติม

หลีกเลี่ยงการใช้เงินพิเศษในสิ่งที่ไม่จำเป็นเพื่อให้หนี้สินหมดเร็วขึ้น

8. รักษาวินัยทางการเงิน:

สร้างวินัยในการจัดการเงินอย่างเข้มงวด ไม่ก่อหนี้ใหม่ที่ไม่จำเป็น

ตั้งเป้าหมายและระยะเวลาในการชำระหนี้ให้ชัดเจนเพื่อสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติตามแผน


การจัดการกับหนี้สินให้หมดเร็วขึ้นต้องใช้ความตั้งใจ ความมุ่งมั่น และการวางแผนที่ดี การลดหนี้จะช่วยให้มีอิสระทางการเงินมากขึ้นและสามารถเริ่มต้นการออมและการลงทุนได้ในอนาคต

การหลีกเลี่ยงการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็น

การหลีกเลี่ยงการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็นเป็นขั้นตอนสำคัญในการรักษาสถานะทางการเงินให้แข็งแกร่งจากหนังสือ “ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน” ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้:


1. สร้างงบประมาณการใช้จ่าย:

กำหนดงบประมาณรายเดือนที่ชัดเจน แยกรายจ่ายเป็นหมวดหมู่ เช่น ค่าครองชีพ ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายส่วนตัว

ยึดตามงบประมาณที่ตั้งไว้เพื่อควบคุมการใช้จ่ายและหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายเกินตัว

2. แยกแยะระหว่างความต้องการและความอยาก:

ประเมินการใช้จ่ายว่าเป็นสิ่งจำเป็นจริงหรือเป็นเพียงความต้องการชั่วคราว

หลีกเลี่ยงการซื้อของที่ไม่จำเป็นหรือของที่ใช้ไม่บ่อย

3. ใช้เงินสดแทนบัตรเครดิต:

ใช้เงินสดในการจ่ายค่าใช้จ่ายประจำวัน เพื่อให้เห็นจำนวนเงินที่ใช้ไปจริง ๆ

หลีกเลี่ยงการใช้บัตรเครดิตสำหรับการซื้อของที่ไม่จำเป็น หรือใช้เฉพาะในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น

4. สร้างกองทุนสำรองฉุกเฉิน:

สร้างกองทุนสำรองฉุกเฉินที่มีเงินเพียงพอสำหรับใช้จ่ายในช่วง 3-6 เดือน

ใช้กองทุนสำรองฉุกเฉินในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการก่อหนี้เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด

5. วางแผนการซื้อสินค้าล่วงหน้า:

วางแผนการซื้อสินค้าล่วงหน้าโดยการสะสมเงินแทนการกู้ยืม

ซื้อสินค้าด้วยเงินที่มีอยู่จริง แทนที่จะใช้เงินที่ยังไม่มี

6. หลีกเลี่ยงการซื้อของตามกระแสหรือโปรโมชั่น:

อย่าตัดสินใจซื้อของตามกระแสหรือโปรโมชั่นเพียงเพราะราคาถูก

ประเมินความจำเป็นและความคุ้มค่าของการซื้อสินค้านั้น ๆ

7. ตระหนักถึงค่าใช้จ่ายระยะยาวของการก่อหนี้:

คำนวณค่าใช้จ่ายรวมของการก่อหนี้ เช่น ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ

พิจารณาผลกระทบระยะยาวของการก่อหนี้ต่อการเงินส่วนบุคคล

8. พิจารณาทางเลือกอื่น ๆ:

มองหาทางเลือกอื่น ๆ ที่ไม่ก่อหนี้ เช่น การยืมของจากเพื่อน การแลกเปลี่ยน หรือการเช่าแทนการซื้อ

ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดก่อนที่จะตัดสินใจก่อหนี้


การหลีกเลี่ยงการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยวินัยในการจัดการเงินและการตัดสินใจที่รอบคอบ การปฏิบัติตามหลักการเหล่านี้จะช่วยให้การเงินของคุณมั่นคงและปลอดภัยในระยะยาว

4. การวางแผนการเงินระยะยาว:

การวางแผนเพื่อการเกษียณอายุ

การวางแผนเพื่อการเกษียณอายุเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต จากหนังสือ “ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน” มีขั้นตอนดังนี้:


1. กำหนดเป้าหมายการเกษียณอายุ:

กำหนดอายุที่ต้องการเกษียณและจำนวนเงินที่ต้องการใช้จ่ายต่อเดือนหลังเกษียณ

คำนวณจำนวนเงินที่ต้องการสำหรับการเกษียณทั้งหมด โดยพิจารณาจากค่าใช้จ่ายในปัจจุบันและอนาคต

2. ประเมินทรัพยากรที่มีอยู่:

ตรวจสอบแหล่งรายได้ที่มีอยู่ เช่น เงินออมปัจจุบัน เงินสะสมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และรายได้จากการลงทุน

พิจารณาผลประโยชน์จากประกันสังคมหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญที่มีสิทธิ์ได้รับ

3. คำนวณความต้องการเงินออมเพื่อการเกษียณ:

ใช้สูตรหรือเครื่องมือคำนวณการเงินเพื่อประเมินจำนวนเงินที่ต้องการออมเพิ่มเติมในแต่ละเดือน

พิจารณาผลตอบแทนจากการลงทุนและอัตราเงินเฟ้อในการคำนวณ

4. เลือกเครื่องมือการลงทุน:

เลือกเครื่องมือการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายการเกษียณและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เช่น กองทุนรวม ตราสารหนี้ หุ้น และอสังหาริมทรัพย์

กระจายการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดี

5. สร้างแผนการออมและการลงทุน:

กำหนดแผนการออมและการลงทุนที่ชัดเจนและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

ตั้งเป้าหมายการออมเงินในแต่ละเดือนและปรับแผนตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

6. ติดตามและปรับปรุงแผนการเงิน:

ติดตามความก้าวหน้าในการออมและการลงทุนเป็นระยะ ๆ

ปรับปรุงแผนการเงินตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและเป้าหมายการเกษียณที่เปลี่ยนแปลง

7. สร้างกองทุนสำรองฉุกเฉิน:

จัดตั้งกองทุนสำรองฉุกเฉินเพื่อใช้ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น การเจ็บป่วยหรือการซ่อมแซมบ้าน

เก็บเงินสำรองไว้ในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง เช่น บัญชีออมทรัพย์หรือตั๋วเงินคลัง

8. ลดหนี้สินก่อนเกษียณ:

วางแผนการชำระหนี้ให้หมดก่อนถึงอายุเกษียณ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ

หลีกเลี่ยงการก่อหนี้ใหม่ที่ไม่จำเป็นในช่วงใกล้เกษียณ

9. พิจารณาประกันภัยและแผนสุขภาพ:

วางแผนประกันสุขภาพและประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองตนเองและครอบครัวในกรณีฉุกเฉิน

ตรวจสอบสิทธิ์ประโยชน์จากประกันสุขภาพที่มีอยู่และเลือกประกันเพิ่มเติมตามความจำเป็น

10. ให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ:

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินหรือวางแผนการเกษียณเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสถานการณ์และเป้าหมายของตนเอง


การวางแผนเพื่อการเกษียณอายุต้องการการเตรียมตัวล่วงหน้าและการปฏิบัติตามแผนอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างสบายและมั่นคงทางการเงิน

การเตรียมเงินสำรองสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

การเตรียมเงินสำรองสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงินและป้องกันไม่ให้เกิดหนี้สินที่ไม่จำเป็นจากหนังสือ “ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน” สามารถทำได้ดังนี้:


1. กำหนดจำนวนเงินสำรองที่ต้องการ:

ตั้งเป้าหมายในการสำรองเงินให้เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในช่วง 3-6 เดือน

พิจารณาค่าใช้จ่ายประจำ เช่น ค่าอาหาร ค่าเช่าบ้าน ค่าเดินทาง และค่าบริการต่าง ๆ

2. เลือกที่เก็บเงินสำรองที่เหมาะสม:

เลือกบัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีฝากประจำที่มีสภาพคล่องสูงเพื่อให้สามารถเบิกถอนได้ง่าย

พิจารณาตัวเลือกอื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงต่ำและสภาพคล่องสูง เช่น กองทุนรวมตลาดเงิน

3. การออมเงินสำรองเป็นลำดับแรก:

ตั้งงบประมาณเพื่อออมเงินสำรองก่อนการใช้จ่ายในสิ่งอื่น

กำหนดให้การออมเงินสำรองเป็นสิ่งสำคัญและทำอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะครบตามเป้าหมาย

4. การแยกเงินสำรองออกจากเงินออมปกติ:

แยกบัญชีเงินสำรองออกจากบัญชีเงินออมเพื่อให้สามารถติดตามและใช้เฉพาะในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น

หลีกเลี่ยงการใช้เงินสำรองสำหรับค่าใช้จ่ายที่ไม่ฉุกเฉินหรือไม่จำเป็น

5. สร้างวินัยในการออม:

ออมเงินสำรองอย่างสม่ำเสมอและมีวินัยในการไม่ใช้เงินสำรองนอกเหนือจากเหตุการณ์ฉุกเฉิน

ใช้การตั้งโอนเงินอัตโนมัติไปยังบัญชีเงินสำรองทุกเดือนเพื่อสร้างความต่อเนื่องในการออม

6. การเพิ่มจำนวนเงินสำรองเมื่อมีโอกาส:

ใช้เงินโบนัส เงินคืนภาษี หรือรายได้พิเศษอื่น ๆ มาสมทบกับเงินสำรอง

ปรับเพิ่มจำนวนเงินสำรองตามสถานการณ์ชีวิตที่เปลี่ยนแปลง เช่น การมีบุตร หรือการเปลี่ยนงาน

7. ติดตามและปรับปรุงแผนเงินสำรอง:

ติดตามความก้าวหน้าในการออมเงินสำรองและปรับแผนการออมตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

ตรวจสอบและปรับปรุงบัญชีที่ใช้เก็บเงินสำรองให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดและอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลง

8. ประกันสุขภาพและประกันชีวิต:

พิจารณาการทำประกันสุขภาพและประกันชีวิตเพื่อป้องกันเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจส่งผลกระทบทางการเงินอย่างรุนแรง

ตรวจสอบความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ของประกันที่มีอยู่เพื่อให้แน่ใจว่าเพียงพอกับความต้องการ


การเตรียมเงินสำรองสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเป็นการสร้างความมั่นคงทางการเงินและป้องกันไม่ให้เกิดหนี้สินจากเหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ การมีเงินสำรองจะช่วยให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเครียดทางการเงิน

5. กรณีศึกษาจากคนที่ประสบความสำเร็จในการออมและการลงทุน:

ตัวอย่างบุคคลที่เริ่มต้นจากการออมเงินเพียงเล็กน้อยแต่สามารถสร้างทรัพย์สินเป็นจำนวนมากได้

ในหนังสือ “ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน” ได้ยกตัวอย่างบุคคลที่ประสบความสำเร็จจากการออมและการลงทุน ซึ่งสามารถเรียนรู้และนำมาปรับใช้ได้ ดังนี้:


1. วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett):

เริ่มต้นการลงทุนตั้งแต่อายุน้อย โดยซื้อหุ้นครั้งแรกตอนอายุ 11 ปี

ใช้หลักการลงทุนแบบมูลค่า (Value Investing) คือการเลือกลงทุนในบริษัทที่มีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง

มีวินัยในการออมและการลงทุนอย่างเคร่งครัด และใช้เวลานานในการสร้างความมั่งคั่ง

2. บันจาร์มิน แฟรงคลิน (Benjamin Franklin):

ใช้หลักการประหยัดและการออมเงินอย่างเคร่งครัดตั้งแต่อายุยังน้อย

ลงทุนในธุรกิจการพิมพ์และสิ่งพิมพ์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่เขามีความรู้และเชี่ยวชาญ

สร้างกองทุนสำหรับการศึกษาและการพัฒนาชุมชนจากรายได้ที่สะสมไว้

3. เจคอบ ฟิสเคล (Jacob Fisker):

เป็นผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Early Retirement Extreme ที่เน้นการเกษียณอายุเร็ว

ใช้ชีวิตอย่างประหยัดและลงทุนอย่างมีวินัยเพื่อให้สามารถเกษียณอายุได้เร็วกว่าเดิม

แบ่งปันประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับการออมและการลงทุนผ่านหนังสือและบล็อก

4. เดวิด บัค (David Bach):

เป็นผู้เขียนหนังสือ “The Automatic Millionaire” ที่เน้นการออมเงินและการลงทุนอย่างเป็นระบบ

แนะนำให้ใช้วิธีการหักออมเงินอัตโนมัติจากรายได้ เพื่อให้การออมเป็นไปอย่างสม่ำเสมอและไม่ต้องใช้ความพยายามมาก

ประสบความสำเร็จในการสร้างความมั่งคั่งผ่านการออมและการลงทุนที่มีวินัย

5. แพต ฟลินน์ (Pat Flynn):

เริ่มต้นจากการสูญเสียงาน แต่เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสในการสร้างธุรกิจออนไลน์

ใช้รายได้จากธุรกิจออนไลน์ในการออมและลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และตลาดหุ้น

แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ผ่านบล็อกและหนังสือ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น


บุคคลเหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นว่าการออมและการลงทุนที่มีวินัยและความตั้งใจสามารถนำไปสู่ความสำเร็จทางการเงินได้ในระยะยาว การเรียนรู้จากประสบการณ์และแนวทางของพวกเขาสามารถนำมาปรับใช้ในการวางแผนการเงินของเราเองได้


หนังสือเล่มนี้เน้นให้ความรู้และแรงบันดาลใจในการเริ่มต้นการออมและการลงทุนอย่างมีวินัยและยั่งยืน ผู้เขียนมุ่งหวังให้ผู้อ่านสามารถสร้างความมั่งคั่งได้ด้วยการเริ่มต้นจากการออมเงินเล็กน้อยจนถึงการมีทรัพย์สินเป็นจำนวนมากในอนาคต


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น