หนังสือ “ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน” เขียนโดย คุณกวี ชูกิจเกษม และ คุณสุรศักดิ์ ธรรมโม
เนื้อหาสำคัญในหนังสือประกอบด้วย:
1. หลักการพื้นฐานของการออมเงิน:
• การสร้างนิสัยการออมตั้งแต่อายุยังน้อย
การสร้างนิสัยการออมตั้งแต่อายุยังน้อยจากหนังสือ “ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน” มีหลักการที่สำคัญดังนี้:
1.1 การตั้งเป้าหมายการออมที่ชัดเจน:
• กำหนดเป้าหมายที่ต้องการออม เช่น ออมเพื่อการศึกษา ซื้อของที่ต้องการ หรือเพื่อการเกษียณ
• แบ่งเป้าหมายเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อให้การออมมีทิศทางและมีกำลังใจในการทำตามเป้าหมาย
1.2. การออมเงินเป็นประจำ:
• เริ่มออมเงินจากจำนวนเล็กน้อย แต่ทำอย่างสม่ำเสมอ เช่น ออมทุกวันหรือทุกสัปดาห์
• หักออมจากรายได้ทุกครั้งก่อนใช้จ่าย เช่น กำหนดให้ออมเงิน 10% ของรายได้ที่ได้รับ
1.3. การสร้างวินัยในการใช้เงิน:
• แยกเงินออมออกจากเงินที่ใช้จ่ายประจำวัน เพื่อไม่ให้ใช้เงินออมโดยไม่ตั้งใจ
• ควบคุมการใช้จ่ายโดยการจดบันทึกรายรับ-รายจ่าย และปรับปรุงการใช้จ่ายตามความจำเป็น
1.4. การเรียนรู้เกี่ยวกับการเงินและการลงทุน:
• ศึกษาเกี่ยวกับเครื่องมือทางการเงินต่าง ๆ เช่น บัญชีออมทรัพย์ พันธบัตรรัฐบาล หุ้น กองทุนรวม
• เรียนรู้เรื่องการจัดการเงินเพื่อให้สามารถตัดสินใจในการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่ยอมรับได้
1.5. การรับแรงบันดาลใจจากตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จ:
• อ่านกรณีศึกษาหรือฟังประสบการณ์จากผู้ที่สามารถสร้างทรัพย์สินได้ด้วยการออมเงินตั้งแต่อายุน้อย
• เข้าร่วมกลุ่มหรือชุมชนที่มีคนสนใจในการออมและการลงทุนเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และแรงบันดาลใจ
การเริ่มต้นออมเงินตั้งแต่อายุยังน้อยช่วยให้มีเวลามากพอในการสะสมเงินและลงทุนให้เกิดผลตอบแทนที่มากขึ้นในระยะยาว ทั้งยังสร้างวินัยในการจัดการเงินที่เป็นประโยชน์ต่อชีวิตทางการเงินในอนาคต
• การตั้งเป้าหมายการออมที่ชัดเจนและเป็นไปได้
การตั้งเป้าหมายการออมที่ชัดเจนและเป็นไปได้จากหนังสือ “ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน” มีหลักการดังนี้:
2.1. กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน (Specific):
• ระบุเป้าหมายที่ต้องการอย่างชัดเจน เช่น “ออมเงินเพื่อซื้อบ้าน” หรือ “ออมเงินเพื่อการศึกษา”
• เป้าหมายควรมีรายละเอียดที่ชัดเจนว่าออมเพื่ออะไร จำนวนเท่าไหร่ และเมื่อไหร่ที่ต้องการบรรลุเป้าหมายนั้น
2.2. วัดผลได้ (Measurable):
• กำหนดจำนวนเงินที่ต้องการออมให้ชัดเจน เช่น “ออมเงิน 500,000 บาทภายใน 5 ปี”
• แบ่งเป้าหมายใหญ่เป็นเป้าหมายย่อยที่วัดผลได้ง่ายขึ้น เช่น ออมเงิน 10,000 บาททุกเดือน
2.3. เป็นไปได้ (Achievable):
• ประเมินรายได้และค่าใช้จ่ายปัจจุบันเพื่อกำหนดเป้าหมายที่สามารถทำได้จริง
• เริ่มต้นจากเป้าหมายที่ไม่ยากเกินไป เช่น ออมเงิน 10% ของรายได้ แล้วค่อย ๆ เพิ่มสัดส่วนตามความสามารถ
2.4. เกี่ยวข้องกับชีวิตและความต้องการ (Relevant):
• เป้าหมายการออมควรสอดคล้องกับชีวิตและความต้องการในระยะยาว เช่น ออมเพื่อการเกษียณ หรือออมเพื่อความมั่นคงทางการเงินในอนาคต
• พิจารณาความสำคัญและผลกระทบของเป้าหมายต่อชีวิต เช่น การออมเงินเพื่อการศึกษาให้ลูก
2.5. มีกรอบเวลา (Time-bound):
• กำหนดระยะเวลาในการบรรลุเป้าหมายอย่างชัดเจน เช่น “ออมเงิน 100,000 บาทภายใน 2 ปี”
• ตั้งเป้าหมายระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อให้มีทิศทางและสามารถปรับตัวได้ตามสถานการณ์
2.6. ติดตามและปรับปรุงแผนการออม:
• ติดตามผลการออมเป็นระยะ ๆ เพื่อดูความก้าวหน้าและปรับปรุงแผนการออมให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
• ใช้เครื่องมือหรือแอปพลิเคชันในการติดตามการออมและการใช้จ่าย เพื่อให้เห็นภาพรวมชัดเจน
การตั้งเป้าหมายการออมที่ชัดเจนและเป็นไปได้จะช่วยให้การออมเงินเป็นเรื่องที่ทำได้จริงและสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาวได้
2. การลงทุนเพื่อเพิ่มพูนทรัพย์สิน:
• การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล และกองทุนรวมตลาดเงิน
การลงทุนเพื่อเพิ่มพูนทรัพย์สินจากหนังสือ “ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน” มีแนวทางและหลักการสำคัญดังนี้:
1. การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ:
• พันธบัตรรัฐบาล: เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและให้ผลตอบแทนที่มั่นคง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาเงินต้นและรับดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง
• กองทุนรวมตลาดเงิน: เป็นกองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงและมีความเสี่ยงต่ำ เช่น ตั๋วเงินคลังและตราสารหนี้ระยะสั้น
2. การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น:
• หุ้น: การลงทุนในหุ้นของบริษัทต่าง ๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโต แม้จะมีความเสี่ยงสูงกว่า แต่สามารถให้ผลตอบแทนที่มากขึ้นได้ในระยะยาว
• กองทุนรวมตราสารทุน: เป็นการลงทุนในหุ้นผ่านกองทุนรวมที่บริหารโดยผู้จัดการกองทุน ช่วยลดความเสี่ยงจากการเลือกหุ้นผิดตัวและเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทน
3. การลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก:
• อสังหาริมทรัพย์: การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เช่น บ้าน ที่ดิน หรือคอนโดมิเนียม สามารถให้ผลตอบแทนในรูปแบบของค่าเช่าและการเพิ่มมูลค่าของทรัพย์สินในระยะยาว
• ทองคำ: ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่รักษามูลค่าในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน เป็นการลงทุนที่เหมาะสำหรับการกระจายความเสี่ยง
4. การประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทน:
• การประเมินระดับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้และเลือกสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงนั้น
• การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินและภาวะเศรษฐกิจเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน
5. การจัดการพอร์ตการลงทุน:
• การกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภทเพื่อลดความเสี่ยง (Diversification)
• การปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ตลาดและเป้าหมายทางการเงินของตนเอง
6. การเรียนรู้และปรับปรุงความรู้ด้านการลงทุน:
• การศึกษาหนังสือ บทความ และการเข้าร่วมสัมมนาเกี่ยวกับการลงทุนเพื่อเพิ่มความรู้และทักษะ
• การติดตามข่าวสารและวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
การลงทุนที่ดีจะช่วยเพิ่มพูนทรัพย์สินและสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว การศึกษาและการวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบเป็นสิ่งสำคัญในการประสบความสำเร็จในการลงทุน
• การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เช่น หุ้น และกองทุนรวมตราสารทุน
3. การจัดการกับหนี้สิน:
• วิธีการจัดการหนี้สินให้หมดเร็วขึ้น
วิธีจัดการกับหนี้สินให้หมดเร็วขึ้นจากหนังสือ “ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน” มีขั้นตอนดังนี้:
1. วิเคราะห์หนี้สินทั้งหมด:
• รวบรวมหนี้สินทั้งหมดที่มีและสร้างรายการรวมถึงรายละเอียด เช่น ยอดคงค้าง ดอกเบี้ย และเงื่อนไขการชำระหนี้
• จัดลำดับหนี้สินจากที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงสุดไปต่ำสุด
2. วางแผนการชำระหนี้:
• กำหนดจำนวนเงินที่สามารถชำระหนี้ได้ในแต่ละเดือนโดยไม่ทำให้เกิดหนี้เพิ่ม
• เลือกกลยุทธ์ในการชำระหนี้ เช่น การชำระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสูงสุดก่อน (Snowball Method) หรือการชำระหนี้ที่มียอดคงค้างน้อยที่สุดก่อน (Avalanche Method)
3. การเจรจากับเจ้าหนี้:
• ติดต่อเจ้าหนี้เพื่อขอลดอัตราดอกเบี้ยหรือขยายระยะเวลาการชำระหนี้ ซึ่งอาจช่วยลดภาระทางการเงินได้
• ขอปรับโครงสร้างหนี้ถ้าเป็นไปได้ เพื่อให้การชำระหนี้สะดวกขึ้น
4. เพิ่มรายได้:
• หาวิธีเพิ่มรายได้เพิ่มเติม เช่น ทำงานพิเศษ หรือขายของที่ไม่ใช้แล้ว เพื่อเพิ่มจำนวนเงินที่สามารถนำมาชำระหนี้ได้
• ใช้รายได้พิเศษเพื่อชำระหนี้ทันทีโดยไม่ใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็น
5. ลดค่าใช้จ่าย:
• ตรวจสอบและตัดลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น ค่าอาหารนอกบ้าน ค่าเดินทาง หรือความบันเทิง
• นำเงินที่ประหยัดได้มาชำระหนี้เพิ่มเติม
6. ติดตามและปรับปรุงแผน:
• ติดตามความก้าวหน้าในการชำระหนี้และปรับแผนตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
• ใช้เครื่องมือหรือแอปพลิเคชันในการติดตามการชำระหนี้เพื่อให้เห็นภาพรวมและประเมินผลได้ง่ายขึ้น
7. การใช้เงินโบนัสหรือเงินพิเศษ:
• ใช้เงินโบนัส เงินคืนภาษี หรือเงินพิเศษอื่น ๆ มาชำระหนี้เพิ่มเติม
• หลีกเลี่ยงการใช้เงินพิเศษในสิ่งที่ไม่จำเป็นเพื่อให้หนี้สินหมดเร็วขึ้น
8. รักษาวินัยทางการเงิน:
• สร้างวินัยในการจัดการเงินอย่างเข้มงวด ไม่ก่อหนี้ใหม่ที่ไม่จำเป็น
• ตั้งเป้าหมายและระยะเวลาในการชำระหนี้ให้ชัดเจนเพื่อสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติตามแผน
การจัดการกับหนี้สินให้หมดเร็วขึ้นต้องใช้ความตั้งใจ ความมุ่งมั่น และการวางแผนที่ดี การลดหนี้จะช่วยให้มีอิสระทางการเงินมากขึ้นและสามารถเริ่มต้นการออมและการลงทุนได้ในอนาคต
• การหลีกเลี่ยงการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็น
การหลีกเลี่ยงการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็นเป็นขั้นตอนสำคัญในการรักษาสถานะทางการเงินให้แข็งแกร่งจากหนังสือ “ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน” ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้:
1. สร้างงบประมาณการใช้จ่าย:
• กำหนดงบประมาณรายเดือนที่ชัดเจน แยกรายจ่ายเป็นหมวดหมู่ เช่น ค่าครองชีพ ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายส่วนตัว
• ยึดตามงบประมาณที่ตั้งไว้เพื่อควบคุมการใช้จ่ายและหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายเกินตัว
2. แยกแยะระหว่างความต้องการและความอยาก:
• ประเมินการใช้จ่ายว่าเป็นสิ่งจำเป็นจริงหรือเป็นเพียงความต้องการชั่วคราว
• หลีกเลี่ยงการซื้อของที่ไม่จำเป็นหรือของที่ใช้ไม่บ่อย
3. ใช้เงินสดแทนบัตรเครดิต:
• ใช้เงินสดในการจ่ายค่าใช้จ่ายประจำวัน เพื่อให้เห็นจำนวนเงินที่ใช้ไปจริง ๆ
• หลีกเลี่ยงการใช้บัตรเครดิตสำหรับการซื้อของที่ไม่จำเป็น หรือใช้เฉพาะในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
4. สร้างกองทุนสำรองฉุกเฉิน:
• สร้างกองทุนสำรองฉุกเฉินที่มีเงินเพียงพอสำหรับใช้จ่ายในช่วง 3-6 เดือน
• ใช้กองทุนสำรองฉุกเฉินในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการก่อหนี้เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
5. วางแผนการซื้อสินค้าล่วงหน้า:
• วางแผนการซื้อสินค้าล่วงหน้าโดยการสะสมเงินแทนการกู้ยืม
• ซื้อสินค้าด้วยเงินที่มีอยู่จริง แทนที่จะใช้เงินที่ยังไม่มี
6. หลีกเลี่ยงการซื้อของตามกระแสหรือโปรโมชั่น:
• อย่าตัดสินใจซื้อของตามกระแสหรือโปรโมชั่นเพียงเพราะราคาถูก
• ประเมินความจำเป็นและความคุ้มค่าของการซื้อสินค้านั้น ๆ
7. ตระหนักถึงค่าใช้จ่ายระยะยาวของการก่อหนี้:
• คำนวณค่าใช้จ่ายรวมของการก่อหนี้ เช่น ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
• พิจารณาผลกระทบระยะยาวของการก่อหนี้ต่อการเงินส่วนบุคคล
8. พิจารณาทางเลือกอื่น ๆ:
• มองหาทางเลือกอื่น ๆ ที่ไม่ก่อหนี้ เช่น การยืมของจากเพื่อน การแลกเปลี่ยน หรือการเช่าแทนการซื้อ
• ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดก่อนที่จะตัดสินใจก่อหนี้
การหลีกเลี่ยงการก่อหนี้ที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยวินัยในการจัดการเงินและการตัดสินใจที่รอบคอบ การปฏิบัติตามหลักการเหล่านี้จะช่วยให้การเงินของคุณมั่นคงและปลอดภัยในระยะยาว
4. การวางแผนการเงินระยะยาว:
• การวางแผนเพื่อการเกษียณอายุ
การวางแผนเพื่อการเกษียณอายุเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต จากหนังสือ “ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน” มีขั้นตอนดังนี้:
1. กำหนดเป้าหมายการเกษียณอายุ:
• กำหนดอายุที่ต้องการเกษียณและจำนวนเงินที่ต้องการใช้จ่ายต่อเดือนหลังเกษียณ
• คำนวณจำนวนเงินที่ต้องการสำหรับการเกษียณทั้งหมด โดยพิจารณาจากค่าใช้จ่ายในปัจจุบันและอนาคต
2. ประเมินทรัพยากรที่มีอยู่:
• ตรวจสอบแหล่งรายได้ที่มีอยู่ เช่น เงินออมปัจจุบัน เงินสะสมในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และรายได้จากการลงทุน
• พิจารณาผลประโยชน์จากประกันสังคมหรือกองทุนบำเหน็จบำนาญที่มีสิทธิ์ได้รับ
3. คำนวณความต้องการเงินออมเพื่อการเกษียณ:
• ใช้สูตรหรือเครื่องมือคำนวณการเงินเพื่อประเมินจำนวนเงินที่ต้องการออมเพิ่มเติมในแต่ละเดือน
• พิจารณาผลตอบแทนจากการลงทุนและอัตราเงินเฟ้อในการคำนวณ
4. เลือกเครื่องมือการลงทุน:
• เลือกเครื่องมือการลงทุนที่เหมาะสมกับเป้าหมายการเกษียณและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เช่น กองทุนรวม ตราสารหนี้ หุ้น และอสังหาริมทรัพย์
• กระจายการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ดี
5. สร้างแผนการออมและการลงทุน:
• กำหนดแผนการออมและการลงทุนที่ชัดเจนและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
• ตั้งเป้าหมายการออมเงินในแต่ละเดือนและปรับแผนตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
6. ติดตามและปรับปรุงแผนการเงิน:
• ติดตามความก้าวหน้าในการออมและการลงทุนเป็นระยะ ๆ
• ปรับปรุงแผนการเงินตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและเป้าหมายการเกษียณที่เปลี่ยนแปลง
7. สร้างกองทุนสำรองฉุกเฉิน:
• จัดตั้งกองทุนสำรองฉุกเฉินเพื่อใช้ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น การเจ็บป่วยหรือการซ่อมแซมบ้าน
• เก็บเงินสำรองไว้ในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง เช่น บัญชีออมทรัพย์หรือตั๋วเงินคลัง
8. ลดหนี้สินก่อนเกษียณ:
• วางแผนการชำระหนี้ให้หมดก่อนถึงอายุเกษียณ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ
• หลีกเลี่ยงการก่อหนี้ใหม่ที่ไม่จำเป็นในช่วงใกล้เกษียณ
9. พิจารณาประกันภัยและแผนสุขภาพ:
• วางแผนประกันสุขภาพและประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองตนเองและครอบครัวในกรณีฉุกเฉิน
• ตรวจสอบสิทธิ์ประโยชน์จากประกันสุขภาพที่มีอยู่และเลือกประกันเพิ่มเติมตามความจำเป็น
10. ให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ:
• ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินหรือวางแผนการเกษียณเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสถานการณ์และเป้าหมายของตนเอง
การวางแผนเพื่อการเกษียณอายุต้องการการเตรียมตัวล่วงหน้าและการปฏิบัติตามแผนอย่างเคร่งครัด เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างสบายและมั่นคงทางการเงิน
• การเตรียมเงินสำรองสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
การเตรียมเงินสำรองสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงินและป้องกันไม่ให้เกิดหนี้สินที่ไม่จำเป็นจากหนังสือ “ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน” สามารถทำได้ดังนี้:
1. กำหนดจำนวนเงินสำรองที่ต้องการ:
• ตั้งเป้าหมายในการสำรองเงินให้เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในช่วง 3-6 เดือน
• พิจารณาค่าใช้จ่ายประจำ เช่น ค่าอาหาร ค่าเช่าบ้าน ค่าเดินทาง และค่าบริการต่าง ๆ
2. เลือกที่เก็บเงินสำรองที่เหมาะสม:
• เลือกบัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีฝากประจำที่มีสภาพคล่องสูงเพื่อให้สามารถเบิกถอนได้ง่าย
• พิจารณาตัวเลือกอื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงต่ำและสภาพคล่องสูง เช่น กองทุนรวมตลาดเงิน
3. การออมเงินสำรองเป็นลำดับแรก:
• ตั้งงบประมาณเพื่อออมเงินสำรองก่อนการใช้จ่ายในสิ่งอื่น
• กำหนดให้การออมเงินสำรองเป็นสิ่งสำคัญและทำอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะครบตามเป้าหมาย
4. การแยกเงินสำรองออกจากเงินออมปกติ:
• แยกบัญชีเงินสำรองออกจากบัญชีเงินออมเพื่อให้สามารถติดตามและใช้เฉพาะในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
• หลีกเลี่ยงการใช้เงินสำรองสำหรับค่าใช้จ่ายที่ไม่ฉุกเฉินหรือไม่จำเป็น
5. สร้างวินัยในการออม:
• ออมเงินสำรองอย่างสม่ำเสมอและมีวินัยในการไม่ใช้เงินสำรองนอกเหนือจากเหตุการณ์ฉุกเฉิน
• ใช้การตั้งโอนเงินอัตโนมัติไปยังบัญชีเงินสำรองทุกเดือนเพื่อสร้างความต่อเนื่องในการออม
6. การเพิ่มจำนวนเงินสำรองเมื่อมีโอกาส:
• ใช้เงินโบนัส เงินคืนภาษี หรือรายได้พิเศษอื่น ๆ มาสมทบกับเงินสำรอง
• ปรับเพิ่มจำนวนเงินสำรองตามสถานการณ์ชีวิตที่เปลี่ยนแปลง เช่น การมีบุตร หรือการเปลี่ยนงาน
7. ติดตามและปรับปรุงแผนเงินสำรอง:
• ติดตามความก้าวหน้าในการออมเงินสำรองและปรับแผนการออมตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
• ตรวจสอบและปรับปรุงบัญชีที่ใช้เก็บเงินสำรองให้เหมาะสมกับสภาวะตลาดและอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลง
8. ประกันสุขภาพและประกันชีวิต:
• พิจารณาการทำประกันสุขภาพและประกันชีวิตเพื่อป้องกันเหตุการณ์ฉุกเฉินที่อาจส่งผลกระทบทางการเงินอย่างรุนแรง
• ตรวจสอบความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ของประกันที่มีอยู่เพื่อให้แน่ใจว่าเพียงพอกับความต้องการ
การเตรียมเงินสำรองสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเป็นการสร้างความมั่นคงทางการเงินและป้องกันไม่ให้เกิดหนี้สินจากเหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ การมีเงินสำรองจะช่วยให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเครียดทางการเงิน
5. กรณีศึกษาจากคนที่ประสบความสำเร็จในการออมและการลงทุน:
• ตัวอย่างบุคคลที่เริ่มต้นจากการออมเงินเพียงเล็กน้อยแต่สามารถสร้างทรัพย์สินเป็นจำนวนมากได้
ในหนังสือ “ออมจากน้อยเป็นร้อยล้าน” ได้ยกตัวอย่างบุคคลที่ประสบความสำเร็จจากการออมและการลงทุน ซึ่งสามารถเรียนรู้และนำมาปรับใช้ได้ ดังนี้:
1. วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett):
• เริ่มต้นการลงทุนตั้งแต่อายุน้อย โดยซื้อหุ้นครั้งแรกตอนอายุ 11 ปี
• ใช้หลักการลงทุนแบบมูลค่า (Value Investing) คือการเลือกลงทุนในบริษัทที่มีมูลค่าต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง
• มีวินัยในการออมและการลงทุนอย่างเคร่งครัด และใช้เวลานานในการสร้างความมั่งคั่ง
2. บันจาร์มิน แฟรงคลิน (Benjamin Franklin):
• ใช้หลักการประหยัดและการออมเงินอย่างเคร่งครัดตั้งแต่อายุยังน้อย
• ลงทุนในธุรกิจการพิมพ์และสิ่งพิมพ์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่เขามีความรู้และเชี่ยวชาญ
• สร้างกองทุนสำหรับการศึกษาและการพัฒนาชุมชนจากรายได้ที่สะสมไว้
3. เจคอบ ฟิสเคล (Jacob Fisker):
• เป็นผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Early Retirement Extreme ที่เน้นการเกษียณอายุเร็ว
• ใช้ชีวิตอย่างประหยัดและลงทุนอย่างมีวินัยเพื่อให้สามารถเกษียณอายุได้เร็วกว่าเดิม
• แบ่งปันประสบการณ์และความรู้เกี่ยวกับการออมและการลงทุนผ่านหนังสือและบล็อก
4. เดวิด บัค (David Bach):
• เป็นผู้เขียนหนังสือ “The Automatic Millionaire” ที่เน้นการออมเงินและการลงทุนอย่างเป็นระบบ
• แนะนำให้ใช้วิธีการหักออมเงินอัตโนมัติจากรายได้ เพื่อให้การออมเป็นไปอย่างสม่ำเสมอและไม่ต้องใช้ความพยายามมาก
• ประสบความสำเร็จในการสร้างความมั่งคั่งผ่านการออมและการลงทุนที่มีวินัย
5. แพต ฟลินน์ (Pat Flynn):
• เริ่มต้นจากการสูญเสียงาน แต่เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสในการสร้างธุรกิจออนไลน์
• ใช้รายได้จากธุรกิจออนไลน์ในการออมและลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และตลาดหุ้น
• แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ผ่านบล็อกและหนังสือ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่น
บุคคลเหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นว่าการออมและการลงทุนที่มีวินัยและความตั้งใจสามารถนำไปสู่ความสำเร็จทางการเงินได้ในระยะยาว การเรียนรู้จากประสบการณ์และแนวทางของพวกเขาสามารถนำมาปรับใช้ในการวางแผนการเงินของเราเองได้
หนังสือเล่มนี้เน้นให้ความรู้และแรงบันดาลใจในการเริ่มต้นการออมและการลงทุนอย่างมีวินัยและยั่งยืน ผู้เขียนมุ่งหวังให้ผู้อ่านสามารถสร้างความมั่งคั่งได้ด้วยการเริ่มต้นจากการออมเงินเล็กน้อยจนถึงการมีทรัพย์สินเป็นจำนวนมากในอนาคต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น