แฟน Underdog
ทางเลือกใหม่ของสาวไทยในศตวรรษที่ 21
Johnny Panuwat
Human Relationship Centre
------------------------------------------------------------------------------------------------
ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ผมมีโอกาสตะเวนไปยังสถานที่ต่างๆมากมาย ได้พบเจอเพื่อนใหม่ เพื่อนเก่า
รุ่นพี่รุ่นน้องตั้งแต่สมัยอนุบาลจนถึงระดับมหาวิทยาลัย
พบเพื่อนที่ทำงานเก่าไปยันที่ทำงานใหม่ ส่วนมากจะประสบความสำเร็จในชีวิต
ซึ่งมาจากการมีครอบครัว คู่ครองที่ดีนั้นเอง ตามหลักสุภาษิตที่ว่า " ผัวหาบ เมียคอน " ช่วยกันทำมาหากิน
แต่ก็เจอเรื่องที่สะเทือนใจไม่น้อย
เรื่องเกี่ยวกับคู่รักที่ไม่ควรคู่กันหรือมีแฟนที่ต้อยต่ำกว่า ยอมรับการเป็นแฟน แต่ไม่ยอมให้เกียรติกัน
จึงพยายามค้นคว้าด้วยการถามถึงความอัดอั้นตันใจของพวกเขาเหล่านั้นว่าเขายอมไปเพื่ออะไร
ลองมาดูความหมายคำว่า Underdog (อันเดอร์ด็อก)
ผู้เสียเปรียบในสังคม , ผู้ที่เคราะห์ร้าย , ผู้ที่ตกอับหรือผู้ที่ตกเป็นเบี้ยล่าง
(http://th.w3dictionary.org/index) และอีกความหมายแปลตรงตัวว่า
ผู้ที่ตกเป็นเบี้ยล่าง (http://etdict.com/index) ผศ.สุชญา ผลวัฒนะ ได้ให้ความหมายไว้ใน www.directenglish.co.th
ใช้ถึง 2 ความหมายด้วยกันแล้วแต่บริบท ความหมายที่หนึ่ง หมายถึง คณะบุคคลหรือบุคคลที่มีฐานะความเป็นอยู่ทั้งในด้านการเงินและด้านสังคมต่ำกว่าคนที่จะไปในสังคมหรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือ
คนด้อยโอกาสหรือชนชั้นต่ำที่ไม่มีโอกาส ไม่มีเงิน ไม่มีอำนาจไปต่อรองกับใครนั้นเอง
ส่วนในความหมายที่สอง
เป็นเรื่องของการแข่งขันไม่ว่าจะเป็นทางการเมืองหรือทางเกมกีฬาหรือการแข่งขันใดๆก็ตาม
อันเดอร์ด็อก (Underdog) หมายถึง
ผู้เข้าแข่งขันไม่ว่าจะเป็นทีมหรือบุคคลก็ตามที่เป็นรองและไม่มีโอกาสเป็นผู้ชนะ
จากความหมายที่รวบรวมมาพอสรุปได้ว่า
อันเดอร์ด็อก (Underdog) หมายถึง
" บุคคลที่มีฐานะความเป็นอยู่ทางด้านการเงิน สังคมต่ำกว่าคนทั่วไป
ทำให้ตกเป็นเบี้ยล่างของคนอื่น "
ซึ่งลักษณะที่แสดงออกที่สามารถมองเห็นได้และจากการสอบถามส่วนมากจะมีลักษณะดังต่อไปนี้คือ
-
ชอบข่มทุกอย่าง ไม่มีเหตุผล ที่สำคัญคือ "ดุ"
- โทรไปไม่รับ
โทรกลับไม่มี แต่ถ้าเขาโทรไปไม่รับหรือรับช้าเป็นเรื่อง
-
ข่มเหงจิตใจโดยการใช้คำพูดถากถางต่างๆนาๆ ให้เราผิดทั้งที่ไม่ได้ผิดอะไร
- เวลาทะเลาะกัน
80 % เราต้องง้อ โดยที่ใครจะผิดก็ตามเพื่อให้จบลงด้วยดี
-
ไม่เคยอยู่ด้วยกันได้ดีเลย ชอบหาเรื่องตลอด ทำให้เราผิดก็ได้
พอจะเคลียร์ก็บ่ายเบี่ยง
-
ใช้ความรักของเรามาเป็นเรื่องต่อรองในการข่มเหงทั้งกายและใจ
-
เขาไปเที่ยวได้ แต่เราห้ามไปไหน ถ้าไปเป็นเรื่อง
- บางครั้งถึงขั้นลงไม้ลงมือ
-
ชอบด่าเราต่อหน้าคนอื่น ต่อหน้าเพื่อน
-
ออกคำสั่งไปเสียทุกเรื่อง ถ้าเราตัดสินใจไปก็จะถูกเปลี่ยนหมด
- เจ้าชู้ได้
รับโทรศัพท์โดยไม่เกรงใจ แต่ถ้าคุณต่อว่าก็จะจบลงด้วยการทะเลาะกัน
ที่บอกมาทั้งหมดเป็นลักษณะสำคัญของผู้ที่ตกเป็น
อันเดอร์ด็อก (Underdog)
ซึ่งลองสืบภูมิหลังของสาวๆเหล่านี้ก็พอได้คำตอบว่าทำไมสาวๆเหล่านี้จึงเลือกที่จะมีแฟนเป็น
Underdog มันมีเหตุผลที่สำคัญใดๆซ่อนอยู่หรือ
*
ทำไมสาวๆจึงเลือกที่จะมีแฟนเป็น Underdog
ตามความหมายก็ชัดเจนแล้วว่า
Underdog คือ การมีแฟนที่ต้อยต่ำกว่า ซึ่งส่วนมากจะตรงข้ามกับ " ทฤษฎีความสมดุลในชีวิตคู่ "
ซึ่งมีคือ รูปร่างหน้าตา ฐานะทางการเงิน การศึกษา ฐานะทางสังคม
ทั้งหน้าที่การงานและชาติตระกูล
ซึ่งบางครั้งในสมัยนี้แค่มีฐานะทางการเงินที่สูงกว่าก็ถือว่าดีแล้ว
ซึ่งเป็นเหตุผลให้สาวๆหลายคนหันกลับมาเลือกหนุ่มที่ Underdog
มาเป็นแฟน ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้คือ
1.
ง่ายต่อการควบคุม คือ จะสามารถควบคุมแฟนหนุ่มให้อยู่หมัดได้สบาย
ส่วนมากที่สาวๆกลัวก็คือ เรื่องความเจ้าชู้ ถ้าพวกเธอหาแฟนที่ดีกว่าเธอทุกอย่าง
พวกเธอมีโอกาสที่จะเสียใจกับความเจ้าชู้หรือเสียใจกับการที่จะถูกข่มเหงทางใจและกาย
มีแฟนแบบนี้ก็สบายใจดี เพราะแค่ขู่ไปบ้างนิดหน่อยก็ไม่กล้าแล้ว
เมื่อเธอมีความพร้อมทุกอย่างแล้ว ก็เน้นการใช้ชีวิตที่ควบคุมง่ายดีกว่า
ก็มักจะเห็นเป็นข่าวว่า แพทย์หญิงแต่งงานกับคนขับรถก็มีให้เห็น หรือแม่แต่หม่อมคนหนึ่งก็เลือกที่จะคบกับลูกของภารโรง
2. มีภูมิหลังเกี่ยวกับคู่รักที่ไม่ดี
ผู้หญิงบางคนก็เข็ดกับความรักที่มีแต่น้ำตา ความชอกช้ำ
จึงมีความทรงจำที่ไม่ดีเกี่ยวกับผู้ชาย ผู้หญิงบางคนไม่ชอบผู้ชายหล่อ
เพราะเขาโดนผู้ชายทำให้เจ็บมาแล้ว
ก็น่าสังเกตว่าไฮโซหนุ่มในเมืองไทยก็ตามจีบดารากันทั้งเมือง
ตามสโลแกนของเล่นไฮโซ ซึ่งมันเป็นความรักที่เปราะบาง (Sensitive love)
สามารถพังได้ตลอดเวลา ถ้าจะให้สบายใจมาคบกับผู้ชาย Underdog
ดีกว่า จะได้ไม่ต้องถูกกระทำ แถมยังเป็นฝ่ายกระทำได้ด้วย สะใจดีไหมล่ะ
3. ระบายอารมณ์
ใครที่ได้อ่านหนังสือพิมพ์ นิตยสารหรือสื่อทางโลกออนไลน์
เรื่องที่นางเอกสาวถอดรองเท้าส้นสูงตีหัวเด็กที่เป็นคู่ควงมาด้วย
เหตุผลว่าไม่สบอารมณ์ ทำให้อารมณ์เสีย ทำให้เห็นว่าผู้ชายเหล่านี้มีไว้ระบายอารมณ์
อารมณ์เสียหรือหงุดหงิดจากงานก็สามารถไประบายได้ หรือมีไว้วีนแตก
(ระบายอารมณ์แบบสุดๆ) ถ้าหนักเข้า ถ้ามีความผิดผสมด้วยก็สามารถระบายด้วยการตบหน้า
หรือตะโกนใส่หน้าก็ได้ เพราะหลังจากนั้นไปอย่างน้อย 10 วัน เขาต้องทำดีทดแทนที่เขาระบายออกไป
มันก็จะกลายเป็นวัฏจักร คือ เอาใจ 10 วัน ระบายอารมณ์ 1 วัน เวียนไปเรื่อยๆ
ไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้ผู้ชายนึกถึงความดีตอนเขาเอาใจก็พอทนอยู่ต่อไปได้อีก
หรือแม้แต่ระบายอารมณ์ในเรื่องเซ็กซ์ เมื่อเธอมีอารมณ์ต้องตอบสนองทันที
เพราะถ้าขืนปล่อยให้ค้างคาอารมณ์จะแปรปรวนไปตามกระบวนการของธรรมชาติ
รับรองว่าอยู่ไม่เป็นสุขแน่นอน
4. มาจากครอบครัวที่มีการแข่งขันสูงและกดดัน
คือ มาจากครอบครัวที่มีการแข่งขันสูงในตระกูล จึงเป็นเหตุให้มีนิสัยยกตนข่มท่าน
ซึ่งคนใกล้ตัว ก็คือแฟนจะโดนเป็นคนแรก
ซึ่งผู้หญิงที่มีนิสัยแบบนี้ลึกๆแล้วเป็นคนมีปมด้อย
มีความรู้สึกต้อยต่ำกว่าคนในตระกูล หรือคนในครอบครัว จึงพยายามแสดงออกถึงสิ่งที่คิดว่าเป็นจุดเด่นของตัวเอง
เพื่อลดความรู้สึกด้อยในใจ มักสร้างความรำคาญใจให้คนรอบข้าง
เป็นนิสัยที่ทำลายสัมพันธภาพ เบื้องต้นต้องข่มแฟนตัวเองก่อน ถ้ามีแฟนที่เป็น Underdog มันจะได้ผลเสมอ ส่วนคนประเภทนี้ คุณอมรากุล
อินโอชานนท์ (www.dmh.moph.go.th) ได้หาวิธีแก้ไขไว้ว่า
ควรให้คนที่มีอำนาจสูงกว่า มีบุญคุณหรือมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่า
ตักเตือนด้วยความเมตตาและหวังดี ก็สามารถปรับพฤติกรรมได้ดีขึ้น
*
ทำไมหนุ่มๆจึงยอมเป็น Underdog
มีคนจำนวนมากมายสงสัยกันว่า พวกหนุ่มๆเหล่านั้นทนได้อย่างไร
ทำไมความอดทนของพวกเขามีสูงขนาดนั้น และที่สำคัญเขาอดทนไปเพื่ออะไร
จึงได้พยายามหาคำตอบมาให้
ซึ่งเกิดจากการสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการกับหนุ่มๆที่ตกในสภาพอย่างนี้
เหตุผลมีดังต่อไปนี้
1.
ต้องการทางด่วนในการประสบในสังคม (Express way to
success) ภูมิปัญญาโบราณกล่าวไว้ว่า
คนเราจะรวยได้อย่างรวดเร็วมีด้วยกัน 3 ทางด้วยกัน คือ หนึ่งถูกล๊อตเตอรี่รางวัลใหญ่
สองได้รับมรดก สามได้แต่งงานกับคนรวย
หนุ่มๆหลายคนจึงพยายามที่จะหาสาวๆที่มีหน้าตาในสังคม มีฐานะทางการเงินที่ดี
เพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเกาะกระแสให้ดังหรือรวย เช่น
ดีเจหนุ่มรูปหล่อคนหนึ่งไม่มีชื่อเสียงอะไร ได้คบกับหม้ายสาวพราวเสน่ห์แสนสวยมีชื่อเสียง
สักพักเดียวเขาก็มีชื่อเสียงโด่งดังตามไปด้วย
สังเกตว่าบุคคลที่มีชื่อเสียงหรือไฮโซ
หนุ่มๆก็พยายามเข้าใกล้ทั้งๆที่มันไม่เหมาะกันเลยสักนิด ถ้าโชคดี
โอกาสประสบความสำเร็จในชีวิตก็สูงตามไปด้วย
2 แพ้ความสวย (Infatuation) หนุ่มๆหลายคน ยอมที่จะเป็นเบี้ยล่างกับสาวๆ
เพราะเป็นคนแพ้ความสวย คือ หลงใหลได้ปลื้มกับความสวย ทำให้ไม่สามารถเลิกได้
ทำได้อย่างเดียวคือทำใจ ในกรณีนี้ส่วนมาก ด้านอื่นจะใกล้เคียงกันคือ
มีการศึกษาใกล้เคียงกัน ฐานะใกล้เคียงกัน มีหน้าที่การงานใกล้เคียงกัน
แต่ที่ต่างกันแน่ๆคือรูปร่างหน้าตา ผู้หญิงจะสวย ส่วนผู้ชายจะหล่อน้อยมากๆ
ก็คล้ายกับละครเรื่อง บิวตี้ แอนด์ เดอะบีช (Beauty and the breast) เรื่องสาวสวยกับอสุรกายซึ่งแตกต่างกันลิบลับ
สาวๆก็ใช้ความได้เปรียบตรงนี้ไป คือ ความหลงใหลได้ปลื้มของหนุ่มๆเป็นเครื่องต่อรองได้ทุกเรื่อง
3. ปิดตัวเอง (Block Itself) หนุ่มๆหลายคน เมื่อมีแฟนแล้วก็ปิดตัวเอง
ไม่ยอมออกสู่โลกภายนอก มีความคับแค้นใจ อึดอัดอะไรก็เก็บไว้คนเดียว
ชอบเก็บความผิดหวัง ความเศร้า ปัญหาต่างๆ ที่ได้รับจากแฟนตัวเองไว้เพียงลำพัง
โดยไม่ปริปากบอกใคร ไม่เคยระบายให้เพื่อนหรือคนในครอบครัวรับรู้เลย
เมื่อเวลาผ่านไปนานๆเข้า ความเศร้า
ความผิดหวังและปัญหาต่างๆที่ถูกสะสมไว้นั้นก็เป็นสนิมที่กัดกร่อนตัวช้าๆ
ซึ่งหนุ่มเหล่านี้มัวแต่คิดว่าคนอื่นไม่มีวันเข้าใจ
สาวๆก็เลยใช้โอกาสที่หนุ่มๆปิดตัวเองเข้าไปควบคุมและข่มเหงน้ำใจและกายได้อย่างไม่มีใครรับรู้
การปิดกั้นตัวเองนั้นจะมีทั้งหมด
6 ชนิด (www.Dek-D.com/board) คือ
1.
ทำให้ตาบอด จะได้ไม่มองเห็นภาพบาดตา
2.
ทำให้หูหนวก ใครด่าก็ไม่ได้ยิน
3.
ทำให้จมูกพิการ รับกลิ่นเหม็นไม่ได้
4.
ทำให้ลิ้นสาก รับรสไม่ได้อีก
5.
ทำให้ตนเป็นอัมพาต ใครตบหน้า ใครข่วน ใครยิกก็ไม่เจ็บ
6.
การปิดกั้นชั่วนิรันดร์ คือ ความตาย เพราะไม่รับรู้สิ่งใดๆชั่วนิรันดร์
นั้นเป็นเหตุผลเดียวที่หนุ่มๆยอมจำนนต่อการเป็น Underdog เพราะปิดกั้นตัวเองแท้ๆ
4. ต้องการความสะดวกสบาย
(Comfortable) เหตุผลที่สำคัญมากๆ ทำไมหนุ่มๆบางคนต้องชอบคนที่มีฐานะสูงกว่า
เพราะต้องการความสะดวกสบาย หนุ่มบางคนลำบากมาทั้งชีวิตแล้วก็ต้องการความสะดวกสบาย
การที่ต้องอดทนกับสาวๆที่รวยๆสักคนก็ไม่ใช่เรื่องที่จะอดทนไม่ได้
บางคนอดทนเพื่อรถสักคัน ที่เขาช่วยผ่อนให้ เพราะเป็นการควบคุมให้อยู่ในครอบครองได้ง่าย
เช่น ถ้าหนุ่มๆ ตีจากก็ยึดรถคืน หรือมีคอนโดมิเนียมสักห้อง
ไม่ยากลำบากอยู่ในห้องพักแบบโทรมๆอีกต่อไป ในเมื่อได้รับความสะดวกสบายแล้ว
มีหน้าที่เพียงเอาใจเท่านั้น จะโดนวีนบ้างก็ไม่เป็นไร อดทนได้แน่นอน
เขาคิดแค่ว่าถ้าไปจากเขาแล้วชีวิตลำบากแน่ๆ....
อดทนดีกว่าเพื่อความสบาย
ดังที่เห็นจากภาพ หนุ่มน้อยยอมแต่งงานกับสาวรุ่นใหญ่มีให้เห็นมากมาย
อย่าบอกว่านั้นคือความรักที่แท้จริง มันแอบอิงด้วยความสะดวกสบายของหนุ่มๆนั้นเอง
เคมีตรงกัน
วิธีเลิกเป็น Underdog
มีหนุ่มหลายๆคนอยากเลิกเป็น
Underdog เพราะมองว่าชีวิตไม่ค่อยมีคุณค่า
รู้สึกอายคนอื่น อยากจะเลิกเสียที แต่ก็ทำไม่ได้สักที เพราะกลัวเสียเธอไป
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาแล้วนั้นเอง แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ค้างคาอยู่ในหัวใจ
มีความคับข้องใจ (Frustration)
เมื่อความพยายามจะก้าวไปสู่เป้าหมายอะไรบางอย่าง แต่ถูกขัดขวางไม่สามารถดำเนินต่อไปได้
ไม่สำเร็จ ทำให้เกิดความก้าวร้าว (Aggressive)
ออกมาอย่างเห็นได้ชัด อยากทำร้ายผู้ที่มาขัดขวางหรืออยากหลุดพ้นจากการเป็น Underdog ซึ่งเรียกช่วงนี้ว่าเป็นช่วงระเบิด ขอแนะนำการหลุดพ้นจากการเป็น Underdog ดังต่อไปนี้
1.
ต้องชนะตัวเองให้ได้ก่อน (Mind Control) คือ
การเอาชนะจิตใจฝ่ายต่ำหรือกิเลศตัณหาในตัวเราเอง (www.Novabizz.com/Novaace) ต้องฝึกหัดแก้นิสัยเสียของตัวเองให้ได้ เช่น
ต้องเลิกทะเยอทะยานในการประสบความสำเร็จโดยอาศัยสาวๆที่มีตำแหน่งสูงกว่า
เอาชนะความสวยของสาวๆให้ได้ เลิกปิดกั้นตัวเองและปล่อยเลยตามเลย
เลิกสะดวกสบายโดยไม่ออกแรง เมื่อเราฝึกแล้วให้เกิดนิสัยดีเข้ามาแทน คือ
ทำให้วิถีชีวิตของตนเปลี่ยนแปลง อยู่ในสังคมอย่างปกติสุข
สามารถดำรงคุณงามความดีของเราไว้ได้แม้ว่าเราจะอยู่ท่ามกลางสังคมที่ชั่วร้ายก็ตาม
ทำให้ไม่ตกเป็นเบี้ยล่างผู้อื่น ทำให้สามารถสร้างหลักฐานให้เป็นที่พึ่งของตนเอง
ครอบครัวและสังคมได้ ถ้าเราชนะใจตัวเองได้เราก็ไม่ตกเป็นเบี้ยล่างของใคร
และสามารถหลุดพ้นจากการเป็น Underdog ได้
2. การนับถือตัวเอง
(Self-esteem) คือ หนุ่มๆที่มีความรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง มีความซื่อสัตย์
มีความภูมิใจในผลสำเร็จของงาน
เป็นคนที่มีความคิดริเริ่มและมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาและรับผิดชอบกับปัญหาที่จะตามมา
เป็นที่รักของคนอื่นและรักคนอื่นนั้นเอง (www.Siamhealth.net) ส่วนคนที่ยอมเป็น Underdog นั้น
จะมีพฤติกรรมตรงกันข้ามกับ Self-esteem คือ
มักไม่มั่นใจในตนเอง กลัวความล้มเหลว
กลัวลำบาก ถ้าอยากหลุดพ้นต้องนับถือตัวเอง
เพราะผู้หญิงเขาจะชอบผู้ชายที่มีความเป็นผู้นำสูง แต่ถ้าไม่ใช่คุณเป็นได้แค่เพียง Boy
toys หรือของเล่นที่เอาไว้ระบายความใคร่และความเครียดเท่านั้น
3. พัฒนาตัวเองตลอดเวลา
(Self-Development) หรือจะใช้คำว่าปรับปรุงตน (Self-improvement) การบริหารตน (Self-management) และการปรับตน (Self-modification) คือ
การปรับตนเองให้เหมาะสมเพื่อสนองเป้าหมายของตนเองหรือให้สอดคล้องกับสิ่งที่สังคมคาดหวัง
(www.Novabizz.com-Novaace) พัฒนาตนเองตลอดเวลา
ทั้งด้านสังคม อารมณ์ ร่างกาย พัฒนาบุคลิกภาพของตนเองให้ดูดี ทั้งการแต่งกาย
ความสะอาด พัฒนาการศึกษา
คือการหาความรู้อยู่ตลอดเวลาหรือศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น พัฒนาเรื่องรายได้ให้สามารถดูแลตัวเองได้แบบไม่ต้องพึงพิงคนอื่น
ทำการงานที่มั่นคงและมีเกียรติ เมื่อปฏิบัติได้อย่างนี้แล้วก็จะหลุดพ้นจากการเป็น Underdog โดยกระบวนการ ขอย้ำว่าต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลา
4. ลดความสัมพันธ์ (ถอยทีละก้าว)
คือการลดกิจกรรมที่ทำร่วมกันให้มาก เนื่องจากความผูกพันที่มีมากย่อมทำให้ไม่สามารถที่จะแยกจากกันได้ หรือบางครั้งการผูกพันคือการผูกคน เช่น การซื้อบ้านร่วมกัน การผ่อนรถพร้อมกัน เป็นต้น
พอสรุปได้ว่า
ผู้หญิงยุคใหม่ในศตวรรษที่ 21 เลือกที่จะมีแฟนแบบ Underdog มากขึ้น เนื่องจากง่ายต่อการควบคุม สามารถระบายอารมณ์ได้
ส่วนที่หนุ่มๆยอมเป็น Underdog ก็เนื่องจากต้องการทางด่วนในการประสบความสำเร็จ
แพ้ความสวย เมื่อมีแฟนแล้วก็ปิดตัวเอง และต้องการความสะดวกสบาย ส่วนวิธีเลิกเป็น Underdog นั้นต้องปฏิบัติดังนี้ คือ ชนะตัวเองให้ได้ก่อน มีความนับถือในตนเอง
พัฒนาตนเองตลอดเวลา ลดความผูกพันลง แล้วก็ควรจากไปถ้าเขาไม่ยอมปรับพฤติกรรม
ทุกปัญหามีทางออก มิใช่ทุกทางออกมีแต่ปัญหา
รูปที่ 1 การพัฒนาตัวเอง
อ้างอิง
ความหมายของคำศัพท์. ค้นคว้าเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2556 จาก http://th.w3 dictionary.org/index.
ความหมายของคำศัพท์. ค้นคว้าเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2556 จาก http://etdict.com/index.
สุชญา ผลวัฒนะ. สืบค้นเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2556 จาก www.directenglish.com
อมรากุล อินโอชานนท์. สำนักพัฒนาสุขภาพจิต.กระทรวงสาธารณะสุข
ค้นคว้าเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม
2556
จาก http://www.dmh.moph.go.th/
Mind Control. สืบค้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2556 จาก www.Novabizz.com
การปิดกั้นตัวเอง.
สืบค้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2556
จาก www.dek-d.com/board